Momotaro @ The Paseo

เนื้อย่าง พรีเมี่ยม วากิว A4+ ของมันต้องโดน

บ่อยครั้งที่เราไปกิน เนื้อย่าง แบบบุฟเฟ่ต์ ราคาอยู่ราวๆ 700 บาท แต่ได้เนื้อคุณภาพแค่พอใช้ได้ แต่ก็พยายามกินเข้าไปให้เยอะๆ แต่จะดีกว่ามั๊ยที่จะเอาเงินก้อนนั้นไปกินเนื้อพรีเมี่ยม อิ่มอร่อย แบบพอดีๆ ไม่อ้วนอีกตะหาก

วันนี้มีร้าน  Japanese Premium Yakiniku มาแนะนำจ้า เป็นร้านเนื้อย่างสไตล์ A la carte ตั้งอยู่ที่โครงการ The Paseo Park Kanchanaphisek บนถนนกาญจนาที่เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ที่ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น เหมาะกับการมาเดินเล่น หรือถ่ายรูปสวยๆ ก็ดีนะเออ

นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้มาเที่ยวที่นี่เหมือนกัน มีร้านหน้าตาน่าทานหลายร้านเลย แต่วันนี้เราจะแวะร้าน Momotaro กัน

ภายในร้านจะเป็นโต๊ะขนาด 4 ที่นั่ง (แต่ก็นั่งได้ถึง 6) ต่อ 1 เตา โดยรวมมีโต๊ะประมาณ​ 12 โต๊ะ รองรับแขกได้ประมาณ​ 50-60 คน

มาดูเมนูของร้านกันเลย

โดยที่นี่เมนูเด็ดจะมีอยู่ 3 ตัวที่จะเป็นวากิวซึ่งเป็นวากิวแท้ๆจากญี่ปุ่นโดยเป็นเนื้อเซนไดวากิว A4+ จะแตกต่างจากร้านอื่นๆหลายร้านที่เป็นออสเตรียเลียวากิว คำว่าวากิวแท้ วากิวไม่แม้ แยกกันยังไงเราเคยเขียนไว้ที่บทความนี้นะไปอ่านได้เลยจ้า –> เนื้อวากิว ….สุดยอดเนื้อย่างสไตล์ญี่ปุ่น

กลับมาที่วากิวของร้าน โมโมทาโร่ ที่เรามากินกันดีกว่า สำหรับตัวเนื้อพรีเมี่ยมเราลองสั่งมากินทั้ง 3 ตัวเลยซึ่งโดยปกติแล้วที่ร้านจะมีการราดน้ำซอสลงมาบนเนื้อให้เราเลย แต่พอดีเราอยากถ่ายให้เห็นลายเนื้อของตัวที่แพงที่สุด และอย่างลองชิมเนื้อเปล่าๆแบบไม่จิ้มอะไรเลย เราบอกทางร้านว่าตัว Wagyu Tokujyo Karubi เนื้อซี่โครง (วากิว) ไม่ต้องราดน้ำซอสมา ส่วนวากิวอีก 2 ตัวคือWagyu Karubi เนื้อวัว (วากิว) และ Wagyu Roast ริบอาย (วากิว) เราให้นากน้ำซอสตามปกติ

• Wagyu Tokujyo Karubi เนื้อซี่โครง (วากิว) – 980บาท++

• Wagyu Karubi เนื้อวัว (วากิว)– 780 บาท++

• Wagyu Roast ริบอาย (วากิว)- 780บาท++

ในบรรดาวากิวทั้ง 3 ตัวนั้น จานที่เราชอบสุด ก็จะเป็น Wagyu Karubi เนื้อวัว (วากิว) ที่จะมีความมันแทรกอยู่ค่อนข้างเยอะ เมื่อย่างแล้วจะมีกลิ่นหอมของเนื้อ และมีรสสัมผัสที่อร่อย ส่วนตัว Wagyu Tokujyo Karubiเนื้อซี่โครง (วากิว) ที่เป็นตัวไฮโซสุดนั้นก็อร่อยเช่นกันแต่สำหรับเราออกจะแทรกมันมากไปนิด แต่ก็แนวใครแนวเค้าอ่ะนะ แต่ละคนชอบไม่เหมือนกันอยู่แล้ว

แต่สรุปให้ง่ายๆคือ ใครชอบนุ่มสุดใจแบบเอาลิ้นดุนๆแล้วขาดเลยต้องจัด Wagyu Tokujyo Karubi  ใครชอบกลิ่นของเนื้อหอมๆให้จัด Wagyu Roast  ส่วน Wagyu Karubi เราว่าอยู่กลางๆระหว่างทั้ง 2 ตัวนี้

นอกจากเนื้อวากิวแล้วเรายังสั่งมาทานกันอีกหลายเมนู (ก็ไปกันหลายคนอ่ะนะ เลยสั่งได้หลายอย่าง อิอิ)

• Jyo Tan ลิ้นวัว (พิเศษ) – 350บาท++

• Roast เนื้อวัว (เนื้อแดง) – 200 บาท++

• Honetsuki Karubi เนื้อซี่โครงติดกระดูก – 390บาท++

• Nakaochi Karubi เนื้อร่องซี่โครง – 220บาท++

• Karubi เสือร้องไห้ – 200บาท++

• Kainomi เนื้อวัว (บริเวณท้อง) – 280บาท++

ในบรรดาเนื้อเกรดธรรมดานี้ที่ร้านเครมว่าเป็น เนื้อไทยวากิว ซึ่งเนื้อไทยวากิวคือ เนื้อวัวที่ลูกวัวเกิดจากการนำน้ำเชื้อของวัวดำสายพันธุ์แท้จากญี่ปุ่นมาผสมกับวัวที่บ้านเรา และมีการเลี้ยงลูกวัวที่เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมแบบเดียวกับที่ญี่ปุ่นเลี้ยงนั่นเอง ซึ่งเอาจริงๆมันเป็น Concept เดียวกับ Australian Wagyu นั่นแหละ คือได้เนื้อคุณภาพใกล้กัน แต่ราคาถูกกว่าเพราะเลี้ยงในไทยไม่ต้อง import เข้ามา

ตัวที่เรากินแล้วชอบกันมากที่สุดคือ Kainomi เนื้อวัว (บริเวณท้อง) ที่เนื้อออกนุ่มๆ กินแล้วฟิน เป็นจานที่ต้องสั่งเบิ้ลกันเลยทีเดียว  กับอีกตัวที่เพื่อนๆ ชอบกันคือ Nakaochi Karubi เนื้อร่องซี่โครง ที่เมื่อปิ้งแล้วจะออกมีติดมัน เหนียวๆ กรุบๆ นิดหน่อย เห็นเค้าว่ามันได้ฟีลเวลาเคี้ยวมากกว่า ส่วนใครชอบทานแล้วได้ฟิลเนื้อจัดๆต้องสั่ง Roast เนื้อวัว (เนื้อแดง) สำหรับคนที่ชอบลิ้นวัวนั้น จานที่เราสั่งมาถือว่านุ่ม อร่อยเลย ลิ้นวัวบางกำลังดี ทานแล้วกรุบๆเด้งๆ ส่วนตัวเราไม่ชอบทานแต่เพื่อนที่ชอบทานลิ้นวัวบอกว่ารสชาติโอเคใช้ได้เลย

นอกจากเมนูเนื้อวัวแล้วเราจัดซีฟู้ดมาด้วย 2 อย่างคือ Hotate และ Ebi

• Hotate หอยเชลล์ – 450บาท++

• Ebi กุ้ง – 280บาท++ (จานละ 3-4 ตัวแล้วแต่ไซส์) – ในรูปนี้คือสั่งมา 2 ที่จ้า

หอยเชลล์ Hotate ที่เป็นหอยเชลล์ตัวใหญ่ๆ เนื้อหวานๆ ปิ้งมาก็อร่อยไปอีกแบบ ส่วนกุ้งก็จัดจานมาสวยเลยมีการแกะเปลือกให้เราแล้วทำให้ปิ้งได้ง่ายและเร็วเลยล่ะ ความสดถือว่าโอเค ปิ้งออกมาได้ความหอมของเปลือดกุ้งจากตรงหัวกุ้ง บางตัวก็มีมันเยิ้มๆให้กินด้วยนะ คือฟิน

ในบรรดาของของปิ้งย่างมีเมนูหมูด้วยนะแต่เราไม่ได้สั่งมาเลย เพราะสานเนื้ออย่างเราต้องจัดแต่เนื้อ ฮา… ส่วนพวกเครื่องเคียงนั้น เราแนะนำให้สั่ง ข้าวยำหม้อร้อน (250 บาท++) โดยทางร้านจะนำข้าวหอมมะลิบ้านเรานี่ละไปทอดก่อน แล้วค่อยนำมาจัดวางในหม้อ เมื่อนำมาเสิร์ฟ ก็จะคลุกๆ เพื่อให้เครื่องนั้นเข้ากันซึ่งข้าวยำนี้ทานคู่กับกิมจิ (90 บาท++) ของทางร้านนี่ อร่อยเวอร์อ่ะ ยกนิ้วให้เมนูคู่นี้เลย

และเครื่องเคียงอีกอย่างที่อร่อยคือ ยำผักรวม(120 บาท++) อันนี้แนะนำให้สั่งมาทานด้วยนะ รวมถึงถ้าใครสายข้าว ข้าวผัดกระเทียม (120บาท++) ก็น่าสนเพราะที่นี่จะผัดใหม่แบบสดๆทุกจานไม่ได้ผัดรวมไว้นะ

หากใครอยากมาทานคนเดียว เราแนะนำก็อาจจะสั่งเมนูเนื้อ 1 จานตามที่ชอบ บวกข้าวผัดกระเทียม 1 ที่ และ ยำผักรวมซักจานก็อิ่มอร่อยกำลังดีได้ แต่อย่างที่บอกว่าถ้าสายแข็งอาจต้อง 2 คนต่อเนื้อ 3-4 จานได้ แบบที่เราไปกินฮา…..

หรือหากมาช่วง 11.00-15.00  น. เวลาของทุกวัน ทางร้านมี เซตอาหารกลางวัน โดยราคาจะเท่ากับในเมนูเลย แต่จะเสิร์ฟพร้อมกับ ข้าวเปล่า ยำผัก ซุป และผลไม้เพิ่มไปด้วย (ไม่มีน้ำนะ) เหมาะกับการทานคนเดียวแบบง่ายๆ ดี ซึ่งสามารถเลือกเมนูไหนในร้านมาทำเป็นเซตก็ได้

โดยสรุปถ้าเทียบราคาคุณภาพกับที่ ร้านที่ญี่ปุ่นที่เราเคยรีวิวไว้ที่บทความนี้ 7 เนื้อย่าง ในโตเกียวที่ต้องโดน เราขอยกให้ร้าน Momotaro มีลักษณธและคุณภาพเทียบเท่าร้าน TORAJI TOKYO EBISU ซึ่งมาใน Concept คล้ายๆกันคือ เป็นร้านเนื้อย่างเกรดกลางๆ แต่มีเนื้อวากิวให้ลองทาน 3 เมนู โดยเท่าที่เราชิม เราว่าถ้าเป็นตัวเนื้อวากิวเราว่า Toraji ที่ญี่ปุ่นทำดีกว่า แต่ถ้าเทียบเนื้อธรรมดาแล้วที่ Momotaro ทำได้ดีกว่า

บทสรุป Momotaro @ The Paseo – เนื้อย่าง พรีเมี่ยม วากิว A4+ ของมันต้องโดน

• รสชาติอร่อยสมราคา เนื้อคุณภาพดี
• ร้านเป็นแบบ a la carte นะจ๊ะ ไม่ใช่ buffet หากแก๊งค์ไหนสายแข็งอาจไม่เหมาะนัก
• เนื้อวากิว อร่อยลิ้น อิอิ แต่ทานเยอะไม่ไหว อาจจะเลี่ยนไป และไม่สบายกระเป๋า ฮา…
• เมนูหมูก็มีนะ แต่เราสายเนื้อจึงไม่ได้สั่งกัน
• กิมจิ และยำผักรวมรสชาติอร่อยถูกใจมากๆๆ
• เตาของที่นี่ ค่อนข้างร้อนดีเลย ปิ้งย่างสนุกมาก
• ทางร้านมีแตงโม 1 ชิ้นใหญ่เสิร์ฟให้หลังทานเสร็จด้วย
• เมนูแนะนำที่ไม่ควรพลาด
  • Wagyu Karubi เนื้อวัว (วากิว)
  • Kainomi เนื้อวัว (บริเวณท้อง)
  • Nakaochi Karubi เนื้อร่องซี่โครง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

• Facebook : Momotaro The Paseo Park Kanchanaphisek
• Tel : 02-1113956

หากคุณชอบรีวิวของเราเพียงแค่คอมเม้น แชร์ก็จะเป็นกำลังใจอย่างยิ่งหรือหากอยากติดตามประสบการณ์ดีๆไปกับพวกเราเพียงBookmark http://www.travelplanetx.com หรือติดตามได้ที่ Facebook Fan Page: Travel Planet Xperiences