Jun-2018
รสดีเด็ด สุดยอดหม้อไฟสูตรพิเศษ อาบน้ำเนื้อ ความอร่อยระดับพรีเมี่ยมที่ต้องลอง
รสดีเด็ด สุดยอดหม้อไฟสูตรพิเศษ อาบน้ำเนื้อ
ความอร่อยระดับพรีเมี่ยมที่ต้องลอง
ชาบู นอกจากเนื้อที่ดีแล้ว วิธีการลวกที่ดีจะให้รสชาติของเนื้อที่อร่อยยิ่งขึ้น ด้วยเทคนิค อาบน้ำเนื้อ ของรสดีเด็ด จะยิ่งทำให้เนื้อที่ดียิ่งอร่อยยิ่งขึ้น
รสดีเด็ด บาย นพ เป็นหนึ่งในร้านที่เรามักมาทานปิ้งย่างที่ร้านบ่อยๆ เพราะตัวเนื้อคุณภาพคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา ถือว่าเป็นร้านนัดสังสรรค์ประจำกลุ่มเลยทีเดียว นอกจากนี้เมนูก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ของร้านก็เป็นเมนูขึ้นชื่อมายาวนาน ด้วยความนุ่มของเนื้อและรสชาติน้ำซูปที่เด็ดเหลือหลาย แต่ที่นี่ยังมีเมนูเจ๋งๆอีกหลากหลายเมนูเลย เราจะลองเปลี่ยนมาทานเมนูอื่นของร้านกันบ้าง ตามไปชิมกันได้เลย…
ร้าน รสดีเด็ด บาย นพ จะอยู่ตรงถนนพระราม 4 ถ้ามาจากหัวลำโพงจะถึงก่อนแยกสามย่าน สามารถจอดที่หน้าร้านได้ แต่แนะนำให้ไปจอดรถที่ อาคารจามจุรี 9 ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งร้านจะมีคูปองจอดรถฟรีให้ 2 ชม.
สำหรับวันนี้เมนหลักเราจะมากินชาบู ที่นี่กัน ซึ่งปัจจุบันเมนูนี้ยังไม่มีขายแบบบุฟเฟ่ต์นะ จะมีทั้งเนื้อและหมู และเนื้อด็จะมีทั้งแบบธรรมดาและแบบพรีเมี่ยมให้สั่งทานกันแบบ A la Carte นะ แน่นอนว่าระดับเราถือคติว่า ถ้าจะอ้วน ต้องอ้วนอย่างมีคุณภาพ ดังนั้นวันนี้เราจะทานเมนูพิเศษ ซึ่งเป็นเนื้อวัวสหกรณ์โค อำเภอโพนยางคำ ที่แค่เอ่ยชื่อ สายเนื้อทั้งหลายก็คงจะพอทราบถึงความดังของเนื้อชนิดนี้
ซึ่งนอกจากเนื้อแบบพรีเมี่ยมแล้วที่ รสดีเด็ด บาย นพ ยังมีวิธีลวกเนื้อชาบูด้วยเทคนิคพิเศษที่จะคงความอร่อยของเนื้อพรีเมี่ยมไว้อย่างดีเทคนิคที่ว่านี้คือเทคนิค อาบน้ำเนื้อ ซึ่งก่อนจะพูดถึงวิธีนี้ต้องอธิบายนิดนึงก่อนว่า ความอร่อยและคุณภาพของเนื้อโดยทั่วไปเค้าจะดูกันจากลายไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อ ซึ่งถ้าแบ่งแบบละเอียดจะมีการแบ่งเกรดไว้ถึง 12 เกรด (แต่ถ้าเอาแบ่งแบบหยาบๆจะมี 5 เกรดแบบที่เราคุ้นเคย) ซึ่งเนื้อของที่รสดีเด็ดนั้นเกรดจะอยู่ที่ราว 7 ขึ้นไป ซึ่งก็อยู่ราวๆ A4-A5 หรือแทบจะเป็นระดับสูงสุดตามการแบ่งของญี่ปุ่นแล้วนั่นเอง [[อ่านเพิ่มเติม –> เนื้อวากิว ….สุดยอดเนื้อย่างสไตล์ญี่ปุ่น]]
มาดูลายเนื้อที่ รสดีเด็ด เอามาเสิร์ฟกันชัดๆว่า ลายสวยขนาดไหน โดย เนื้อถาดนึงจะน้ำหนักที่200 กรัม ราคามีตั้งแต่ 220 ถึง 600บาทต่อถาดขึ้นกับว่าจะเลือกเนื้อส่วนไหน ซึ่งถาดนึงไม่ใช่แบบมีเนื้อสไลด์มา 4-5 ชิ้นนะ แต่มีมาพอสมควร เป็น 10 ชิ้นเลย ถ้าทานแบบสวยๆ 1 ถาด พร้อมผักถือว่าอิ่ม แต่ถ้าสายจัดหนักก็ต้องมากกว่านั้น
ซึ่งโดยทั่วไปแล้วหากเราน้ำเนื้อที่ดีขนาดนี้ลงไปลวกน้ำร้อนตรงๆโดยทันที ด้วยอุณหภูมิที่สูงเกินไปจะทำให้ไขมันที่แทรกอยู่ตามเนื้อละลายหายไปหมด ซึ่งจะทำให้เนื้อมีความกระด้างขึ้น พูดง่ายๆว่าเสียของนั่นเอง ฮา…คุณนพ (เจ้าของร้าน) จึงแนะนำวิธีการทำแบบใหม่ ที่เรียกว่าการ “อาบน้ำเนื้อ” วิธีการคือ คีบเนื้อใส่ถ้วยแล้วถือถ้วยแบบเอียงๆ หน่อย ตักน้ำซุปร้อนๆ จากหม้อมาใส่ถ้วย 1-2 ช้อน แล้วเขี่ยเนื้อที่พักไว้มาคลุกๆๆ กับน้ำซุปซักพัก ทำจนน้ำซุปที่ตักมาเริ่มเย็น
จากนั้นก็ทำซ้ำแบบเดิม โดยเขี่ยเนื้อไปพักไม่ให้โดนน้ำ เติมน้ำซุปใส่ถ้วย แล้วเอาเนื้อลงมาแกว่งต่อ ซึ่งการทำแบบนี้คือการปรับอุณหภูมิของเนื้อให้ค่อยๆสุก ซึ่งส่วนตัวแล้วเราคิดว่ามันคงคล้ายๆกับการปรุงอาหารแนว Slow Cook นั่นล่ะ
จากที่ชิมตอนแรก ยังไม่คุ้นกับวิธีนี้เท่าไหร่ ทำซัก 3 ครั้ง จะสุกกำลังดี แต่พอทำไปเรื่อยๆ เริ่มชอบการคลุกแบบ2 ครั้งมากกว่า เพราะเนื้อจะออกแรร์นิดๆ แบบยังไม่สุกเกินไป ทำให้เนื้อมีความนิ่มมากๆ ส่วนน้ำซุปในถ้วย จะซดไปเลย เทพักใส่ชาม หรือจะเทกลับลงหม้อก็ได้
แน่นอนว่าเราลองทานแบบลวกธรรมดาที่เราคุ้นเคยกันด้วย
ซึ่งหลังจากที่เราลองทำ 2 แบบ คือ แบบแรกเอาเนื้อไปแกว่งๆ ในน้ำซุปเหมือนที่ทำปกติ กับ แบบสองที่เป็นอาบน้ำเนื้อ แล้วเอามาชิมเทียบกัน ทุกคนลงความเห็นว่า การอาบน้ำเนื้ออร่อยกว่ากันมาก ดังนั้นถ้าใครตามไปทานต้องลองทำแบบนี้กันดูนะ นี่เราเอาเนื้อทั้ง 2 แบบมาเทียบกันให้ดูจะๆเลยว่าต่างกันขนาดไหน ทางซ้ายจะเป็นแบบลวดธรรมดา จะเห็นว่าจะเหลือเฉพาะเส้นไขมันหลัก ส่วนไขมันแทรกที่เป็นลายสวยๆจะแทบไม่เหลือเลย แต่ทางขวาที่เป็นการอาบน้ำเนื้อนั้นไขมันยังเหลือแบบจัดเต็มเลย
การกินหม้อไฟชาบูนี้ ทางร้านมีน้ำจิ้มคล้ายๆ พริกน้ำส้มแบบที่ใส่ในก๋วยเตี๋ยวเนื้ออ่ะ หรือจะเลือกบิดเกลือและพริกไทยอย่างละนิดใส่ถ้วยไว้แล้วน้ำเนื้อมาจิ้มทานก็ได้ ซึ่งก็เป็นการดึงรสชาติเนื้อที่ดีเลยทีเดียว แต่สำหรับเรา เราชอบแบบไม่ต้องจิ้มอะไรเลยมากที่สุด เนื่องจากตัวเนื้อบวกกับน้ำซุปของทางร้านนั้นอร่อยมากอยู่แล้ว
ส่วนเนื้อพิเศษนั้นมีหลายแบบ ตั้งแต่เนื้อวากิว ริบอายด์ เนื้อใต้ซี่โครง เนื้อซุปเปอร์ เนื้อปาล์เลอะรอง เนื้อสันไหล่ และเนื้อเซอร์ลอยด์ ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีลักษณะแตกต่างกันไป เช่น ติดมันเยอะหน่อย เนื้อล้วนๆ หรือแทรกมันนิดๆ อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนอ่ะนะ แต่วันที่เราไปเราชอบเนื้อสันไหล่ที่สุด มีมันแทรกเล็กๆ รสจะออกนุ่ม แบบไม่ได้ละลายมากนัก เคี้ยวแล้วได้สัมผัสความหนุบของเนื้ออยู่
โดยเนื้อตัวที่เราทานแล้วชอบที่สุดคือ ซูเปอร์ ซึ่งจะเป็นส่วนปลายๆของเนื้อใบพาย (ปาล์เลอะรอง) ซึ่งในวัว 1 ตัวจะมีเนื้อส่วนซูเปอร์อยู่ซัก 1 กิโลเท่านั้น ซึ่งก็คือวัวหนึ่งตัวสามารถเอามาทำเนื้อส่วนนี้ได้ราว 5 จานเท่านั้นเอง
นอกจาก หม้อไฟชาบู แล้ววันนั้นเรายังได้ไปลองทานเมนูอื่นๆอีก 3-4 อย่างคือ
- เล้งวัวซุปเปอร์แซ่บ ทำจากซี่โครงเนื้อส่วนที่จะมีไม่เยอะทำให้ทางร้านทำออกมาได้จำนวนจำกัดต่อวัน ซึ่งส่วนที่ร้านเอามาใช้จะไม่ใช่สันหลังหมือนเล้งหมูนะ เพราะสันหลังวัวมันจะใหญ่มาก ส่วนที่ร้านเอามาใช้ทำเมนูนี้คือกระดูกต้นคอซึ่งเอาจริงๆก็คือส่วนต้นๆของสันหลังนั่นละ ตัวเนื้อตุ๋นมานิ่ม ส่วนที่เป็นเอ็นและส่วนติดมันนิ่มหนุบกำลังดี ปรุงรสชาติจัดจ้านแบบเปรี้ยวเค็มเผ็ดหวานครบรส ความเผ็ดกำลังดีสำหรับเรา (ปกติเราไม่กินเผ็ด) ดังนั้นถ้าใครชอบทานรสจัด แนะนำให้แจ้งเค้าได้เลยว่าขอเผ็ดๆ ทางร้านเค้าจัดให้ได้ เพราะเค้าใช้วิธีปรุงให้ทีละชามเลย สำหรับชามนี้ จะมีขายตั้งแต่ 16.00 น. เป็นต้นไป ดังนั้นถ้าใครอยากชิมต้องกะเวลามาร้านดีๆ หน่อย ชามนี้ 180 บาทจ้า ปริมาณมาพูนชามทีเดียว อ้อเมนูนี้เป็นเมนูที่ได้ออกรายการครัวคุณต๋อยด้วยนะ ดังนั้น “ใครไม่มาลองถือว่าผิด” นะเออ
- เนื้อย่างจิ้มแจ่ว เป็นเนื้อก้อนๆ เสียบไม้ (ลักษณะคล้ายๆ พวกเนื้อบาร์บีคิว) โดยในแต่ละชิ้นจะมีมันแทรกอยู่ด้วย แนะนำให้กัดทั้งเนื้อและมันทานพร้อมกัน ส่วนมันจะแตกโพล๊ะในปาก กินเพลินไม่รู้ตัว จะเลือกทานเปล่าๆ หรือจิ้มแจ่วก็ได้เช่นกัน จริงๆแล้วโดยรวมรสชาติดีนะแต่เราดันไปกินวันเดียวกับที่กินหม้อไฟอาบน้ำเนื้อ มันเลยโดนความเด็ดของอาบน้ำเนื้อแย่งไปหมด ฮา…
นอกจากนี้เรายังมีสั่ง หมูสะเต๊ะ มาลองชิมด้วยจะมีกลื่นเครื่องเทศตัวหนึ่งค่อนข้างเด่นมาก จากการชิมแล้วเราว่ารสชาติทั่วไป ถ้าอยากสั่งมาทานเล่นก็ได้ ไม่สั่งก็ไม่ผิดกติกา
ส่วนเมนูของหวาน อันนี้แนะนำมาก สัปปะรดเสาวรส ฟังชื่อแล้วขนมอะไรก็ไม่รู้เนอะ ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่พอทานมันเปรี้ยวๆ หวานๆ เอาไว้ล้างปากปิดท้ายได้ดี (กับคิดเอาเองว่าสัปปะรดน่าจะช่วยย่อยได้ เผื่อจะผอมลง 55) สรุปวันนี้อิ่มฟินแบบกลิ้งกลับบ้านกันเลยทีเดียว
รสดีเด็ดสเต็กเฮ้าส์ สเต็กเฮ้าส์พรัเมี่ยมในราคาที่ทุกคนเอื้อมถึง
นอกจากนี้ที่ได้เจอคุณนพ เจ้าของร้านเรายังทราบมาว่าทางร้านได้เปิดร้านใหม่คือ รสดีเด็ดสเต็กเฮ้าส์ ซึ่งร้านอยู่เลยไปทางหัวลำโพงประมาณ 150 เมตรจะเป็นร้านสเต็กเฮ้าส์ ที่ใช้เนื้อพรีเมี่ยมมาทำ แต่คุณนพบอกว่า ราคาที่ขายทุกคนจะต้องอึ้งเพราะจะไม่แพง เป็นราคาที่ทุกคนสามารถมากินได้แน่นอน เรามีโอกาสได้ชิมเมนูนึงคือ ซี่โครงวัวรมควัน ซึ่งรวชาติถือว่าดีเลยละ ร้านนี้จะเปิดตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2561 สามารถไปชิมกันได้แล้วจ้า
บทสรุป รสดีเด็ด สุดยอดหม้อไฟสูตรพิเศษ อาบน้ำเนื้อ
- มีเนื้อพรีเมี่ยมเกรด A4-A5 ขายในราคาไม่แพงมาก
- เนื้อซุปเปอร์คือต้องลองแล้วจะติดใจแน่นอน
- เทคนิค “อาบน้ำเนื้อ” คือนิพพาน
- เล้งวัวซุปเปอร์แซ่บ แซ่บจริง อร่อจริง ใครไม่กินถือว่าผิด
- เดินทางสะดวก จอดรถฟรีที่ อาคารจามจุรี 9
หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ ฝากคอมเม้นท์ ไลค์ แชร์ ก็จะเป็นกำลังใจอย่างยิ่ง หรือหากอยากติดตามประสบการณ์ดีๆไปกับพวกเราเพียง Bookmark http://www.travelplanetx.com หรือติดตามได้ที่ Facebook Fan Page: Travel Planet Xperiences ได้เลยจ้า