May-2018
Review Business Class Asiana Airlines กรุงเทพ – โซล เครื่อง A380-800
Review Business Class Asiana Airlines
กรุงเทพ – โซล เครื่อง A380-800 สายการบิน
มาดูกันว่า Business Class Asiana Airlines เส้นทางการบิน กรุงเทพ-โซล ของสายการบิน Asiana Airline นั้นเมื่อจัดเป็น Business Class ด้วยเครื่อง A380 จะสะดวกสบายขนาดไหน
สำหรับเส้นทางการบินกรุงเทพฯ-โซล นั้นที่ผ่านมาสายการบิน Asiana Airline จะใช้เครื่อง A330 ในการบินเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งตอนที่เราจองครั้งแรกก็ถูก Assign เครื่องมาเป็น A330 นี่แหละแต่ก่อนบินจริงเราได้รับแจ้งว่าทางสายการบินได้เปลี่ยนเครื่องเป็น A380 ซึ่งเท่าที่เราลองค้นๆดูก็เหมือนปัจจุบันสายการบินเอเชียน่าจะใช้เครื่อง A380 มาบินเส้นนี้แล้วนะ
ซึ่งจริงๆก็ดีเพราะว่า เครื่อง A380 ใหญ่กว่าที่นั่งโดยเฉพาะ Business Class ก็จะเป็นแบบ Flatbed ทำให้นอนได้สบายซึ่งต่างจากเครื่อง A330 ที่ที่นั่งของ Business Class จะเป็นแบบ Recliner Seat เท่านั้น
เริ่มจากรายละเอียดไฟลท์ที่เราเดินทางกันก่อนเลย
- Flight : OZ742
- Date : 30 Mar 2018
- Seat 8K
เอาละเราไป Checkin พร้อมกันเลย สายการบินเอเชียน่าจะเช็คอินที่เค้าท์เตอร์ K แน่นอนว่ามีแถวเช็คอินสำหรับ Business Class แยกต่างหากให้เดินชิวๆเข้าไปได้เลย
สำหรับกระเป๋านั้นสามารถโหลดได้ 2 ใบใบละ 32 Kg. และสามารถเอาขึ้นเครื่องได้ 2 ใบ
ตอนเช็คอินจะมีเจ้าหน้าที่มาสอบถามเรื่องที่นั่งซึ่งเราสามารถเปลี่ยนและเลือกได้ตามใจชอบเลย สำหรับเครื่อง A380-800 ที่ใช้ในการบินครั้งนี้จะประกอบไปด้วย
- ที่นั่งแบบ First Class 12 ที่
- ที่นั่งแบบ Business Class 66 ที่
- ที่นั่งแบบ Economy 417 ที่
สำหรับที่นั่งแบบ Business Class นั้นจะจัดที่นั่งแบบ 1-2-1 แบบเฉียงๆ ทำให้ทุกที่จะเป็นที่นั่งติดทางเดินทั้งหมด ที่นั่งคู่กลางจะมีทั้งแบบที่นั่งคู่และที่นั่งแยก ส่วนที่นั่งริมหน้าต่างที่เรานั่งรอบนี้เป็นที่ 8K ซึ่งจะเห็นได้ว่าจะติดหน้าต่างจริงๆโดยมีโต๊ะอยู่ริมทางเดินทำให้มีที่กั้นเพิ่มมานิดหนึ่งซึ่งจะไม่ถูกรบกวนคนที่เดินไปเดินมา หลังจากเช็คอินเสร็จเราจะได้บัตร Premium Lane สามารถเข้า ตม.ช่องพิเศษได้เลยไม่ต้องไปต่อแถวรอนานเหมือนปกติ
EVA Lounge
สายการบินเอเชียน่าเป็นสายการบินในกลุ่มสตาร์ฯ จึงมีการใช้ Lounge ร่วมกับสายการบินในกลุ่ม ซึ่งเอเชียน่าเลือกที่จะไปร่วมกับ Lounge ของสายการบิน EVA แทนที่จะเป็นการบินไทยซึ่งก็ดีเลย เพราะว่า Lounge ที่นี่คนไม่มากเท่าไหร่ ต่างจากของการบินไทยที่คนค่อนข้างมาก
บรรยากาศภายในตกแต่งออกแนวอวกาศนิดๆ ก็ดูเก๋ดีนะ
ที่นี่นอกจากจะมีห้องอาบน้ำให้ใช้แล้วยังมีห้องนอนให้สามารถไปนอนงีบได้ด้วยนะ คือดี..
ด้านอาหารการบินถือว่ามีเยอะเลยนะ ทั้งของร้อน ของเย็น เครื่องดื่มและไอศครีม เรียว่าจัดเต็มเลยละ
แน่นอนว่ามาใช้บริการทั้งทีก็ขอจัดมากินพอเป็นพิธีนะ โดยรวมรสชาติใช้ได้ครับ เราชอบตัวแกงจืดฟักยัดไส้ที่สุดทานแล้วสดชื่นดี
นั่งเล่นนั่งกินนั่งทำงานซักพักก็ได้เวลาไปขึ้นเครื่องละ
ด้วยความที่เครื่องที่เรานั่งเป็นเครื่อง A380 ซึ่งเป็นเครื่องใหญ่ทำให้วันที่เราเดินทางนั้น ไม่มีงวงช้างสำหรับเครื่อง A380 ว่างทำให้ต้องนั่ง Bus Gate ไปซึ่งนรกบังเกิดเพราะว่า ที่นั่ง Business อยู่ชั้น 2 ของเครื่องบินทำให้พอไปถึงเครื่องเราต้องแบกกระเป๋าขึ้นบนได้หลายขั้นเลยทีเดียว T___T
ที่ด้านหน้าเครื่องตรงชั้น 2 จะมีพื้นที่ให้พอเดินเล่นยืดเส้นยืดสายได้เล็กน้อย รวมถึงมีห้องน้ำตรงนี้ 2 ห้อง ไว้เด่วจะพามาดูอีกทีนะ
สำหรับที่นั่งอย่างที่บอกครับ จะเป็นที่นั่งแบบ 1-2-1 ซึ่งเราเดินทางคนเดียวเลยเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง ใครเดินทางเป็นคู่อยากนั่งด้วยกันต้องเลือกที่นั่งตรงกลางนะ
ภาพที่เห็นข้างบนจะเป็นเก้าอี้แถว 7 จะเห็นว่าตัวที่นั่งจะอยู่ติดทางเดิน ดังนั้นอาจจะถูกรบกวนบ้างเวลามีคนเดินผ่าน แต่ตอนไปเรานั่งแถว 8K ดังนั้นที่นั่งจะอยู่ด้านในแล้วที่วางของจะสลับมาอยู่ด้านนอกทำให้เพิ่มความเป็นส่วนตัวได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียวละ
ลักษณะที่นั่งจะมีช่องให้เราสามารถวางขาได้ซึ่งเมื่อเราเอนที่นั่งเต็มที่ที่นั่งจะต่อกับช่องนี้พอดีทำให้เราสามารถนอนได้ราบจริงๆ แต่สำหรับคนตัวสูง 180 อย่างเรารู้สึกว่ามันแคบไปซักนิด คือจากหัวถึงปลายเท้าค่อนข้างพอดีๆตัวไปซักนิด แต่เพื่อนผมที่นั่งไปด้วยกันเป็นผู้หญิงตัวย่อมๆ ก็นั่งสบายเลย ฮา..
ขนาดที่นั่งความกว้างของ Business Class อยู่ที่ 21.3″ เทียบกับขนาดที่นั่งแบบ Economy Class ที่อยู่ที่ 18.9″ และขนาด First Class ที่อยู่ที่ 25.2 ” ก็ถือว่านั่งสบายๆละ โดยที่นั่งชั้นธุรกิจนี้จะมี Seat Belt แบบคาดไหล่เหมือนในรถยนต์ด้วย ซึ่งตอนเครื่องขึ้นและลงจะต้องคาดสายนี้ แต่ในเวลาอื่นๆคาดแค่ตรงเอวก็พอครับ
ที่นั่งนี้ใต้ที่วางแขนจะมีที่เก็บมือถืออยู่ข้างๆตัว หรือใครพกกล้อง Compact ไว้ถ่ายรูปเล่นก็สามารถเอามาใส่ตรงนี้ได้อย่างสบาย นอกจากนั้นแล้วความพิเศษสำหรับเครื่อง A380 ที่นั่งริมหน้าต่าง (แถว A และ K) คือบริเวณใต้หน้าต่างจะมีช่องที่ใหญ่พอสมควรสามารถเก็บของได้อีกด้วยนะ ผมเอากล้องและเลนส์มาใส่เอาไว้หยิบมาถ่ายรูปได้สบายๆเลยละ
นอกจากนี้บริเวณที่นั่งจะมีที่เสียบ USB และปลั๊กไฟและ International ที่รองรับปลั๊กได้ทุกรูปแบบที่นั่งละ 1 จุดด้วยนะ ใครอยากจะชาร์จอะไร อยากจะทำงานอะไรก็สบายเลย แต่แนะนำว่าให้เตรียมสายพ่วงมาเสียบกับปลั๊กไฟจะดีสุด เพราะขากลับที่เรานั่งจากโซลกลับมา กทม.นั้นช่อง USB ของเรามันเสีย
ในส่วนของจอทีวี ก็ใหญ่โตพอสมควร ระบบสัมผัสทั้งในส่วนของตัวจอและที่ควบคุม Joystick ก็สามารถคบคุมได้ราบรื่นและไหลลื่น ต่างจากทีวีในส่วนของที่นั่งแบบ Economy พอสมควรเลยทีเดียว
ในส่วนของหูฟังถือว่านุ่มสบายหูแล้วก็ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดีเลย คือตอนแอร์มาคุยด้วยถ้าไม่ถอดออกนี่คือไม่ได้ยินอ่ะ ฮา….. โดยเซตหูฟังนี้จะถูกเอามาเตรียมไว้ให้ตั้งแต่เราขึ้นเครื่องมาเลย โดยจะอยู่คู่กับ Amenity ต่างๆ ซึ่งนี่เป็นข้อเสียของของสายการบินเอเชียน่าแอร์ไลน์คือ การบินระยะกลาง (Mid-Hual) จะไม่มีการแจกกระเป๋า Amenity Kit ให้แต่อย่างใด จะมีเพียง หูฟัง ที่อุดหู ที่ปิดตา และรองเท้าแตะ วางเอาไว้ให้เท่านั้น ต้องเป็นการบินระยะไกล (Long-Hual) เท่านั้นจึงจะมี Amenity Kit ของ L’Occitane ให้
ทั้งนี้ Amenity ต่างๆจะไปอยู่ในห้องน้ำแทน ซึ่งก็จะเป็นห้องน้ำ 2 ห้องที่อยู่ที่หัวเครื่องที่เป็นสัดส่วนเฉพาะที่นั่งของ Business Class เท่านั้น และจะมีห้องน้ำที่อยู่ตอนกลางของเครื่องที่จะต้องใช้ร่วมกับที่นั่งชั้นประหยัด ดังนั้นถ้าใครนั่ง 5 แถวแรกคือ 7-11 ก็จะสบายหน่อยไม่ต้องไปแย่งห้องน้ำกับใคร โดยห้องน้ำ 2 ห้องที่ว่านี้จะมีห้องหนึ่งที่เป็นห้องใหญ่โตเป็นพิเศษ แต่อีกห้องก็จะไซส์ปกติเหมือนห้องน้ำในส่วนของชั้นประหยัด โดย Amenity ที่สายการบินใช้คือของ L’Occitane จาก Provence ฝรั่งเศสนั่นล่ะ โดยจะมี น้ำหอม Hand Lotion Toner หวี ชุดแปรงสีฟัน และน้ำยาบ้วนปากให้
เมื่อ Boarding หลังจากเราขึ้นมานั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้วแอร์ที่ดูแลเราจะมาเสิร์ฟ Welcome Drink ให้ก่อนอยากจะทานอะไรสามารถขอได้หมดไม่ว่าจะเป็นไวน์ แชมเปญจน์ หรือน้ำผลไม้สด
หลังจากนั้นแอร์ที่ดูแลเราเข้ามาแนะนำตัวเอง มีการแจกพวกใบตม.ให้เราเลย รวมถึงมีการแจกเมนูและมีการสอบถามเรื่องอาหารการกินว่าต้องการกินอาหารสไตล์ไหน ซึ่งหลักๆจะมี Korean Style และ Western Style รวมถึงมี Wine List ให้เราสามารถเลือกได้ตามสไตล์ที่เราชอบได้ด้วยนะ
ไฟลท์ที่เราบิน กทม.-โซล เป็นไฟลท์ที่บินรอบดึกจึงมีการเสิร์ฟอาหารมื้อเดียวคือ Breakfast ซึ่งเราสามารถเลือกเวลาในการเสิร์ฟได้ รวมถึงถ้าเราหลับอยู่สามารถแจ้งแอร์ได้ว่าจะให้ปลุกเวลาไหน เช่นก่อนเครื่องลง XX นาทีอะไรแบบนั้น แต่ถ้าเราไม่ได้แจ้งไว้ เมื่อถึงเวลาที่เสิร์ฟอาหารแล้สเราหลับอยู่แอร์จะเอากระดาษโน้ตมาแปะบอกว่า อาหารพร้อมแล้วนะ อยากให้เราเสิร์ฟเมื่อไหร่ให้เรียกได้ทันที
ซึ่งเราเลือกเป็นข้าวต้มปลา สไตล์เกาหลี ตอนเสิร์ฟแอร์จะเอาผ้ามาปูโต๊ะให้เราและเสืร์ฟอาหารเป็นคอร์สโดยเริ่มจาก ผลไม้สดและขนมปังก่อน เมื่อเราทานเสร็จก็จะมาเก็บจานแล้วจึงตามด้วยเมนคอร์ส รสชาติโดยรวมถือว่าอร่อยเลยล่ะครับ ผลไม้ก็สดหวานมากๆ คือรู้สึกได้ว่ามีการคัดเลือกวัตถุดิบมาเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ช่วงเวลาอื่นๆนอกจากนี้ก็สามารถ Request อาหารทานได้ตลอดนะซึ่งจะมี แซนวิช ผลไม้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือพวก มันฝรั่งให้ทาน ซึ่งส่วนตัวเราไม่ได้สั่งหรอกเพราะอย่างที่บอกเราบินไฟลท์ดึก ออกจากไทยตอน 1:30 ขึ้นเครื่องปุ๊บก็นอนยาวๆเลยดีกว่า ไฟลท์นี้ใช้เวลาเดินทาง 5:45 ชม. ก็ถือว่าโอเคได้นอนพักสบายๆเลยล่ะ ถือว่าคุ้มค่าอยู่นะ ก่อนเครื่องลงแอร์ที่ดูแลเราจะมาพูดคุยและขอบคุณที่มาใช้บริการ จากนั้นเครื่องลงก็เป็นอันจบทริปจ้า..
บทสรุป Business Class Asiana Airlines กรุงเทพ – โซล
สำหรับที่นั่ง Business Class สายการบินเอเชียน่าแอร์ไลน์เส้นทางการบิน กรุงเทพฯ-โซล ที่ใช้เครื่องบิน A380-800 บินนั้นถือเป็นอีกมิติหนึ่งของการบินที่สะดวกสบายและราคาไม่แพงมากนัก
- Business Class Asiana Airlines เส้นทางการบิน กรุงเทพ-โซล ที่นั่งเป็นแบบ Business Smartium Class ซึ่งเป็นที่นั่ง Business แบบใหม่ของ Asiana Airlines
- จัดที่นั่งแบบ 1-2-1 ให้ความเป็นส่วนตัวสูง และเป็นที่นั่งติดทางเดินทุกที่ รวมถึงมีที่นั่งคู่สำหรับคู่รักนักเดินทางด้วยนะ
- ที่นั่งริมหน้าต่างจะมีที่เก็บของเพิ่มเติม (มีเฉพาะเครื่อง A380-800)
- เครื่องมีเสียงดัง ซึ่งจริงๆตอนแรกเราไม่รู้สึกนะ แต่พอไปนั่งเครื่อง A350 มาแล้วมานั่ง A380 แล้วรู้สึกเลยว่า A380 เครื่องเสียงดังกว่า แต่ไม่ใช่ปัญหาเพราะพอเรานอนถึงอย่างก็เงียบสงบ ฮา….
- อาหารอร่อย ใช้วัตถุดิบที่ดี พิถีพิถัน แต่รู้สึกว่าเสิร์ฟน้อยไปหน่อย ไม่อิ่ม แต่ก็อาจจะเพราะมันเป็นมื้อเช้า ซึ่งปกติเรากินมื่อเช้าหนักมาก ฮา….
- การบริการโดยทั่วไปดี แต่ไม่ค่อยมีการเดินเสิร์ฟน้ำอะไรต้องกดเรียกหรือเดินไปขอเอง แต่มองในแง่ดีคือก็ไม่รบกวนคนที่จะพัผ่อนดีนะ
- สามารถสั่งอาหารว่างทานได้ตลอดเวลา
- ไม่มี Amenity Kit ให้
- โหลดกระเป๋าได้ 2 ใบ (32+32)
- เอาประเป๋าขึ้นเครื่องได้ 2 ใบ (7+7)
- Call Center ในไทยโทรติดยากมาก
ราคาค่าตั๋ว
ราคาอยู่ประมาณ 29,000 บาท ซึ่งถือว่าไม่แพงมากนะ ประมาณ 2 เท่าของราคาตั๋วชั้นประหยัด ซึ่งโดยทั่งไปที่นั่งชั้นธุรกิจมักจะขายที่ 3 เท่าของราคาชั้นประหยัด ราคาที่ออกมานี้ถือว่าไม่แพงมาก ยิ่งเมื่อเทียบกับที่นั่ง Business Class ของสายการบินโลว์คอสที่ผมเคยนั่งราคาอยู่ที่ราว 22,000 ส่วนต่าง 7,000 บาทตรงนี้กับบริการที่ดีกว่าผมว่าก็คุ้มอยู่นะ
อ้อส่วนหนึ่งที่ราคาถูกอาจจะเพราะว่าสายการบินเอเชยน่าแอร์ไลน์เองก็มีการออก Class ย่อยของที่นั่งชั้นธุรกิจออกมาอีกพอสมควร ซึ่งราคาที่ว่านี้หากมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการเดินทาง หรือมีการขอ Refund ก็จะมีค่าธรรมเนียมนะ
แต่จริงๆแล้วเราแนะนำให้จองผ่าน www.expedia.co.th มากกว่า เพราะ ราคาถูกกว่า และบริการหลังการขายดี โทรติดง่ายกว่าโทรเข้า Asiana โดยตรง สำหรับวันนี้ก็ขอลาไปแต่เพียงเท่านี้ ไว้เจอกันใหม่รีวิวหน้าครับ
หากคุณชอบรีวิวของเราเพียงแค่คอมเม้น แชร์ก็จะเป็นกำลังใจอย่างยิ่งหรือหากอยากติดตามประสบการณ์ดีๆไปกับพวกเราเพียง Bookmark http://www.travelplanetx.com หรือติดตามได้ที่ Facebook Fan Page: Travel Planet Xperiences