Nov-2017
สิงคโปร์ เมื่อไหร่ก็ไปได้กับบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ แอร์เอเชีย
สิงคโปร์ เมื่อไหร่ก็ไปได้กับบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ แอร์เอเชีย
สิงคโปร์ประเทศเล็กๆที่อาจจะดูเหมือนไม่มีอะไรเที่ยวครั้งสองครั้งก็น่าจะพอแล้ว แต่ในความเป็นจริงสิงคโปร์มีการพัฒนาตลอดเวลามีสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆเกิดขึ้นเสมอครั้งนี้ก็เช่นกันผมเองได้ไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆอีกครั้ง ร่วมกับบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ แอร์เอเชียและ MasterCard กับประเทศนี้ สิงคโปร์
ปลายเดือนกันยายน 2560 ที่ผ่านมาเราและ เพื่อน พี่ น้อง บล็อกเกอร์ ร่วมวงการหลายท่าน ได้รับเชิญจากบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ แอร์เอเชีย และ MasterCard ไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ประเทศสิงคโปร์กัน
ผมเองไม่ได้ออกทริปมาตั้งแต่ไปผ่าตัดหลังเมื่อต้นปีเมื่อมีโอกาสครั้งนี้จึงไม่ลังเลที่จะตอบรับเข้าร่วมทริปนี้เลย ซึ่งในทริปนี้ ผมเองได้มีโอกาสทำอะไรหลายอย่างที่ไม่เคยทำที่ประเทศสิงคโปร์มีอะไรบ้างไปดูพร้อมๆกันเล้ย……
ทริปนี้ผมออกจากบ้านแต่เช้า ด้วยความที่บ้านผมอยู่ในหมู่บ้านจะให้เดินลากกระเป๋าออกมาหน้าหมู่บ้านก็ดูจะลำบากไปหน่อยผมเลยเลือกใช้บริการของ Grab ในการเรียก Taxi ซึ่งปัจจุบัน Grab สามารถชำระเงินผ่าน Credit Card ได้แล้วด้วยนะ ซึ่งเท่าที่เรียกและได้ลองคุยกับคนขับ Taxi เค้าค่อนข้างโอเคเพราะว่า Grab จ่ายเงินให้ Taxi เร็วทำให้ Taxi ยอมรับผู้โดยสารที่เรียกด้วย Grab
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งที่ผมชอบ Grab คือได้คนขับที่เป็น Taxi ซึ่งค่อนข้างมีฝีมือในการขับรถที่โอเค เพราะก่อนหน้านี้ผมเคยใช้บริการที่คนทั่วไปมาขับรถ มีครั้งหนึ่งไปเจอคนขับรถไม่ค่อยเป็นทั้งหลงทางและขับรถย้อนศรเต็มไปหมดหลังจากนั้นเลยเข็ดเลย เรียก taxi ดีกว่า ซึ่งผมเลือกใช้ Grab เพราะอย่างน้อยมันมีประวัติการใช้บริการ สามารถติดตาม Taxi ที่เราใช้ได้ด้วย ทำให้สามารถกรองได้ Taxi ที่ดีพอสมควรเลยละ
บัตรแอร์เอเชียธนาคารกรุงเทพ บัตรเบ่งสำหรับนักเดินทางตัวจริง
ครั้งนี้เราเดินทางกันด้วยสายการบินแอร์เอเชียซึ่งเป็นสายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในโลกติดต่อกันมาแล้วหลายปี แต่ทริปนี้พิเศษยิ่งขึ้นเพราะผมมีบัตรเบ่งสำหรับนักเดินทางตัวจริงอย่างบัตรแอร์เอเชียธนาคารกรุงเทพติดมาด้วย บัตรนี้มีความพิเศษยังไงมาดูกันเลยดีกว่า
เริ่มจากที่สนามบินเพียงแค่โชว์บัตรเบ่งใบนี้เราก็จะได้
- Xpress Checkin สามารถเข้าช่องพิเศษเช็กอินได้ก่อนใครเดินพรมแดงสวยๆ เข้าไปเช็กอินได้เลยจ้า
XPress Boarding สามารถขึ้นเครื่องได้ก่อนใครไม่ต้องรอคิวซึ่งตรงนี้เหมาะมากๆกับเวลาผมไปเที่ยวประเทศที่ต้องไป Shopping เพราะว่าสามารถเอาถุง Shopping ไปเก็บที่เก็บสัมภาระเหนือศรีษะได้ไม่ต้องแย่งกับใครเลยทีเดียว
- XPress Baggage หลังจากเช็คอิน จะมีการติดแทก ที่กระเป๋าสัมภาระของเราให้ ซึ่งที่สนามบินปลายทางนอกจากกระเป๋าจะออกมาก่อนชาวบ้านชาวช่องแล้วเจ้าหน้าที่ยังยกกระเป๋าลงมารอให้อีกด้วย ซึ่งสำหรับผมแฮปปี้มากเพราะผมไม่ต้องยกกระเป๋าจากสายพานเอง ไม่ปวดหลังดี
- นอกจากนั้นตอนขึ้นเครื่องแค่โชว์บัตรเบ่งใบนี้กับ boarding pass ก็รับไปเลยฟรีๆ เครื่องดื่มร้อนเย็นราคา 60 บาท
ซึ่งบัตรเครดิตใบนี้เนี่ยหลังสมัครผ่านรับไปก่อนเลยบัตรกำนัลโหลดสัมภาระฟรี 4 ใบและบัตรกำนัลเลือก Hot Seat อีก 4 ใบ อีกด้วยนะ และทุกๆปีหากสะสมยอดใช้จ่ายครบ 100,000 บาท/ปี ก็จะได้รับบัตรกำนัลสำหรับปีต่อไปอย่างนี้ทุกๆปีเลยจ้า ใครสนใจสิทธิประโยชน์ดีดีแบบนี้สามารถสมัครได้เลยที่นี่…..
<<<–สมัครบัตรเครดิตแอร์เอเชียธนาคารกรุงเทพ –>>>
รายละเอียดเพิ่มเติมบัตรเครดิตแอร์เอเชียธนาคากรุงเทพ
นอกจากนั้น ทุกการใช้จ่ายผ่านบัตร 20 บาทรับ 1 คะแนน Big Points และถ้าใช้บัตรซื้อตั๋วที่ www.airasia.com ก็รับคะแนนไปเลย 3 เท่า โดยตอนนี้มีโปรโมชั่นพิเศษช่วงนี้หากมีการใช้จ่ายตั้งแต่ 6,500 บาทขึ้นไปในรอบบัญชีแรกรับไปเลยฟรีๆ Big Points 6,500 แต้ม เก็บเอาไว้ไปแลกเที่ยวบินแอร์เอเชียได้สบายๆ ล่าสุดผมเพิ่งแลกตั๋วเครื่องบินไปภูเก็ตให้คุณพ่อตาจากราคาปกติ 1,300 บาทผมใช้แต้ม 500 แต้ม + เงินแค่ 350 บาทเท่านั้นเอง คือคุ้มสุดๆ แถมเวลามีโปรโมชั่นยังสามารถจองตั๋วได้ก่อนคนที่ไม่มีบัตรได้ 1 วันเต็มๆเลยนะ คือยังไงก็ได้โปรแน่นอนนะ
สำหรับการเดินทางไปสิงคโปร์ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง นั่งไป กินข้าวไปเพลินๆ เดินไปเข้าห้องน้ำซักหน่อย สภาพหลังผมก็พอไหวอยู่ก็เรียกว่าฟื้นตัวได้ระดับหนึ่งหลังจากผ่าตัดมาเกือบๆครึ่งปี ไม่ได้ปวดหลังอะไรมากมายเหมือนอย่างที่กลัวไว้แต่แรก
อร่อยต้นตำรับบักกุ๊ดเต๋สไตล์สิงคโปร์ที่ Song Fa
อาหารขึ้นชื่ออย่างหนึ่งของประเทศสิงคโปร์คือบักก๊ดเต๋ซึ่งมีร้านเก่าแก่ที่มีมานานคือร้าน Song Fa อยู่ใกล้ใกล้ไชน่าทาวน์ที่สถานี Clark Quay ซึ่งตรงสาขานี้จะมีอยู่สองร้านติดกันร้านหนึ่งอยู่ตรงหัวมุมเป็นเอาท์ดอร์ อีกร้านจะเป็นร้านติดแอร์เย็นฉ่ำเลย
พิกัด.. ร้านติดแอร์ – 1.288872, 103.847816 ร้านเอ้าท์ดอร์ – 1.289027, 103.847700 โดยบักกุ๊ดเต๋ สไตล์สิงคโปร์นั้นจะต่างจากทางภาคใต้บ้านเรา คือน้ำซุปจะเป็นน้ำซุปสีขาว รสชาติคล้ายก๊วยจั๊บเผ็ดน้ำใสที่เยาวราช ในขณะที่บักกุ๊ดเต๋ที่บ้านเราจะเป็นน้ำซุปยาจีน ความอร่อยจะอยู่ที่การเลือกซี่โครงที่นำมาใช้ ซึ่งแม้ประเทศสิงคโปร์จะไม่ได้มีการเลี้ยงหมูเอง ต้องนำเข้าหมูแต่ก็มีการ QC ที่ดีทำให้ได้เนื้อที่มีคุณภาพสูงและอร่อยมากๆ
ส่วนเมนูอื่นๆ จะออกแนวอาหารจีน ขาหมู พะโล้ อะไรแบบนั้น ก็มีให้เลือกเยอะเลยละลองสั่งได้อร่อยหมดจ้า
Henderson wave Bridge สะพานลอยคนข้ามที่สูงที่สุด
หลังจากอิ่มจากบะกุ๊ดเต๋ที่ Song Fa แล้วช่วยบ่ายๆเราแวะไปกันที่สะพานลอยคนข้ามถนนที่สูงที่สุดของสิงคโปร์อย่าง Henderson Wave Bridge ซึ่งสะพานเชื่อมเนินเขา 2 ลูกเข้าด้วยกันคือ Telok Blagah Hill Park กับ Mount Faber Park ซึ่งเป็นสถานที่ที่ชาวสิงคโปร์ชอบไปเดินเล่นไปวิ่งออกกำลังกายกัน พิกัดจะอยู่ที่ 1.276066, 103.815482 สามารถนั่งรถเมล์สาย 131 / 145 จากหน้า Vivo City ไปได้เลยจ้า จุดเด่นของสะพานแห่งนี้คือการออกแบบที่ทำเป็นรูปคลื่นสวยงามเลย ช่วงตอนเย็นจะมีเปิดไฟ
t up สวยเลยละ ที่นี่จริงๆสมัยสร้างแรกๆมีมุมถ่ายรูปสวยๆหลายมุมนะ แต่คือมันสร้างเชื่อมเขาไง มุมถ่ายรูปที่ผมเคยถ่ายไว้ตอนนี้ต้นไม้มันโตจนไม่สามารถเข้าไปถ่ายได้ละ อ้อด้านบนเขาไม่มีร้านสะดวกซื้อนะ ใครจะมาเดินเล่นควรพกของกินและน้ำดื่มมาด้วยจ้า
Clark Quay แหล่งกินดื่มขึ้นชื่อต้นแบบโกดังเอเชียทีค
หลังจากเดินเล่นเสร็จเราย้อนกลับไปในเมืองอีกรอบไปเดินชมเมืองแถว แหล่งกินดื่มของชาวสิงคโปร์ที่ดัดแปลงมาจากโกดังเก่าคล้ายกับที่เอเชียทีคที่บ้านเรา ซึ่งที่นี่ช่วงกลางคืนคนจะคึกคักมากๆ แล้วยังเป็นจุดขึ้นลงสำหรับเรือนำเที่ยวด้วย ที่นี่ผมเคยมาเดินเล่นหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่เคยถ่ายภาพมุมสูงที่เคยเห็นภาพจากอินเตอร์เน็ตเลย วันนี้ผมพอมีเวลาว่างอยู่เลยชวนเพื่อนไที่ไปด้วยกันให้ลองไปหามุมถ่ายภาพกันเพราะคุ้นๆว่าถูกถ่ายมาจากห้างฝั่งตรงข้ามของ Clark Quay
หลังจากลองเดินหาดูขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นบนสุดของห้าง พบว่ามันสามารถออกไปเอ้าท์ดอร์ได้ โดยพื้นที่บริเวณนั้นจะเป็นลานจอดรถบนอาคาร เราเลยสามารถตั้งขาตั้งกล้องถ่ายภาพได้อย่างสบายใจ ก็ถือเป็นการเปิดมุมมองใหม่ๆในสิงคโปร์ของผมเองอีกครั้งหนึ่ง
Jumbo Seafood ลิ้มลอง Chilli Crab เมนูซิกเนเจอร์ของสิงคโปร์
พูดถึงเมนูขึ้นชื่อของประเทศสิงคโปร์คงเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจาก Chilli Crab ซึ่งก็จะคล้ายๆ ปูผัดผงกะหรี่ของบ้านเราแต่ตัวน้ำซอส จะเข้มข้นกว่าและรสชาติออกหวานและเปรี้ยวมากกว่า ร้านอาหารที่แนะนำทั้งสดและราคาไม่แพงนัก คือร้าน Jumbo seafood ซึ่งมีอยู่หลายสาขา สาขาที่ผมไปทานจะอยู่ที่ boat quay ซึ่งใกล้ๆกันจะมีอีกหนึ่งสาขาคือสาขา Riverside
นอกจากนี้ร้านนี้ยังมีเมนูอื่นอีกหลายอย่างที่น่าทานแต่ส่วนมากเวลาผมไปก็มักจะสั่งแต่ Chilli crab ซึ่งผมแนะนำให้สั่งมาทานคู่กับหมั่นโถวและข้าวผัดเอาน้ำซอสมาราดอร่อยอย่าบอกใคร
Equarius Hotel at Resort world Sentosa
สำหรับที่พักในทริปนี้ เนื่องจากกิจกรรมส่วนใหญ่ของเราอยู่ในเกาะเซนโตซ่า ครั้งนี้เราจึงนอนในเกาะกันไปเลย โรงแรมที่ไปพักคือ Equarius Hotel at Resort World Sentosa ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงแรมของเครือ Resort World จากประเทศมาเลเซียที่มาลงทุนสร้าง Universal Studio ด้วยนั่นละ ข้อดีอย่างหนึ่งก็คือ เราสามารถเชื่อม Wifi ได้แทบทุกที่บนเกาะเซนโตซ่าเลยละ
ที่พักที่นี่กว้างขวางสมเป็นโรงแรมห้าดาวนอนหลับสบายมาก ห้องน้ำก็ใหญ่มากประหนึ่งห้องสามารถนอนได้ซัก 5 คนเลย 555
อาหารเช้าสไตล์สิงคโปร์จัดเต็มมีให้เลือกมากมายเลยละ
ใครสนใจที่พักที่นี่สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามนี้นะ
- เว็บไซต์โรงแรม
- เช็คราคาและจองที่พักผ่าน expedia.co.th
- เช็คราคาและจองที่พักผ่าน agoda.com
- เช็คราคาและจองที่พักผ่าน Booking.com
- ตรวจสอบโปรโมชั่นของเอเยนซี่ต่างๆ –> http://www.travelplanetx.com/?p=5869
AJ Hackett at Sentosa
เช้าวันที่สองเราเริ่มโปรแกรมด้วยการไปเล่นเครื่องเล่นใหม่ล่าสุดของสิงคโปร์ ที่นำเข้ามาจาก นิวซีแลนด์เป็นเครื่องเล่น Xtream อย่างพวก Bungy Jump อะไรแบบนั้น น่าเสียดายที่วันที่ผมไปตัวบันจี้จัมพ์ยังไม่พร้อมให้บริการ ผมเลยได้ลองเล่นแค่ Verticle Sky walk ที่เป็นการเดินไต่กำแพงลงมาในแนวดิ่ง ความยากและสนุกของเครื่องเล่นอันนี้คือตอนเริ่มต้นที่เรายืนอยู่แล้วต้องเอนตัวขนานกับพื้นโลกนี่แหละ รูปนี้ไม่ได้ใบ้หวยนะ คือก่อนเล่นเค้าจะให้เราชั่งน้ำหนักก่อน เพราะเครื่องเล่นจะรับน้ำหนักคนเล่นได้มากสุดที่ 105 kg. ซึ่งมีเพื่อนบอกคนอดเล่นด้วยนะ ฮา….
ความน่าภูมิใจอย่างหนึ่งคือพวกผมเป็นแขกกลุ่มแรกที่ได้เล่นเครื่องเล่นเครื่องนี้เลยนะ ระหว่างเล่นนี้ มันจะรู้สึก Mission Impossible หน่อยๆ
สำหรับใครที่ไม่กล้าเล่นก็สามารถขึ้นไปด้านบนได้เช่นกันจะเป็นจุดชมวิวซึ่งที่นี่จะทำเป็นบาร์ไว้นั่งดริ้งค์ตอนเย็น ช่วงพระอาทิตย์ตกวิวคงสวยงามน่าดูเลยละ
อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ https://www.ajhackett.com/sentosa/
Skyride and Luge
กิจกรรมต่อมาที่เราได้ไปเล่นคือ Luge ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอย่างที่เราสามารถมาเล่นที่สิงคโปร์ได้ไม่ต้องบินไกลไปถึงประเทศนิวซีแลนด์ที่คนนิยมไปเล่นกันที่เมืองควีนทาวน์ ซึ่งตอนนี้มีโปรโมชั่นของบัตรเครดิต MasterCard ด้วยนะ นั่นคือเล่นแบบ 5 rides ปกติราคา 38 SGD แค่โชว์บัตรรับส่วนลดไปเลย 6 เหรียญ
เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสนุกๆที่เล่นรอบเดียวไม่มีทางพอเพราะคอร์สมีหลากหลายมากสามารถเลือกเส้นทางในการเล่นได้หลายแบบเลยทีเดียว
LUNCH @ Le Meridean Sentosa
มื้อกลางวันเราไปกินข้าวกันที่โรงแรม Le Meridean ซึ่งอยู่ในเกาะเซนโตซา ตัวโรงแรมจะอยู่ติดๆกับรูปปั้นเมอร์ไลอ้อนตัวพ่อเลยละ ถือว่าเดินทางสะดวกอยู่ เราทานอาหารกันที่ห้องอาหาร Latest Recipe โดยอาหารมื้อนี้จะเป็นอาหารแนว Traditional Singaporian มี 3 อย่างคือ
- Asian-inspired appetiser – Gado Gado Salad
- Black Pepper Char Kway Teow
- Locally-inspired Èclairs – Pandan Kaya and Raspberry Coconut
รสชาติถือว่าละมุ้นลิ้นอยู่นะ อย่างตัวชาก๋วยเตี๋ยวเนี่ยได้กลิ่นควันของกะทะเล็กๆทำให้หอมอร่อยเลย
Merlion at Sentosa
มาเกาะเซนโตซ่าทั้งทีถ้าไม่ได้มาเมอร์ไลอ้อนตัวพ่อคงเหมือนมาไม่ถึงครั้งแรกแที่ผมมาก็มีโอกาสแวะมาถ่ายรูปด้วยแล้วแต่ยังไม่เคยขึ้นไปบนปากของเมอร์ไลอ้อน ครั้งนี้เลยสบโอกาสลองขึ้นไปชมวิวดูซึ่งก่อนขึ้นเขาจะมีแสดงวิดิทัศน์ให้ชมประวัติความเป็นมาของเมอร์ไลอ้อนด้วยนะ
S.E.A Aquarium
ช่วงเย็นเรามีโอกาสไปเดินเล่นที่ S.E.A. Aquarium ซึ่งอยู่ในยูนิเวอร์แซลนี่แหละ ซึ่งใครมีบัตร MasterCard ก็มีโปรโมชั่นด้วยนะ นั่นคือซื้อตั๋วผู้ใหญ่ 2 ใบ พิเศษใบละ S$30 จากปกติ S$34 และแถมฟรีป๊อปคอร์นมูลค่า S$6.50ที่นี่เป็น Aquarium แห่งใหม่ล่าสุดของประเทศสิงคโปร์นอกจากพันธุ์ปลาต่างๆที่มีมากมายแล้วที่นี่มีจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือ มีส่วนของ Open Ocean Habitat ที่ใหญ่มากอยู่ ความสูงของผนังนี้เทียบเท่าประมาณตึกสี่ชั้นเลยทีเดียวเท่าที่ทราบคือเค้าใช้อะคริลิคแผ่นใหญ่หกแผ่นมาเรียงต่อกัน
นอกจากนั้นผมยังมีโอกาสได้ไปดูห้องพักอีกแบบหนึ่งของ Equarius ด้วยเป็นห้อง Ocean Suite ที่อยู่ใกล้ๆกับอะควาเรี่ยมนั่นแหละ จุดเด่นคือที่ห้องนอนจะสามารถเปิดม่านชมอะควาเรี่ยมส่วนตัวได้เลยห้องแบบนี้มีเพียง 11 ห้องเท่านั้นใครสนใจต้องรีบจองนะ สนนราคาจริงๆก็ไม่ได้แพงมากถ้าเทียบกับโรงแรมห้าดาวที่อยู่ย่านกลางเมืองของสิงคโปร์ ผมลองหาราคาในพวก เว็บจองที่พักราคาอยู่เราราว 20,000 บาทต่อคืน
CURATE Michallin star Restaurant
สำหรับมื้อเย็นทาง MasterCard พาเราไปทานอาหารมื้อสุดพิเศษที่ร้าน CURATE ซึ่งเป็นร้านที่เป็นมิชลินสตาร์ด้วยนะ โดยมือนี้อาหารเป็นคอร์สทั้งหมด 5 คอร์ส บวกกับของท่านเล่นอีก 5-6 อย่าง อันนี้เป็น Starter 5 อย่างที่ไม่ได้อยู่ใน Course ที่เราทานกันครับ
ส่วนอันนี้เป็น เมนคอร์ส ทั้ง 5 คอร์ส ซึ่งวัตถุดิบที่เอามาใช้แต่ละอย่างคือดีมาก ไม่ว่าจะเป็นปูอลาสก้า หรือ หมูสเปน iberico ซึ่งเป็นหมูที่ว่าเนื้ออร่อยที่สุดในโลก ก็ล้วนนำมาใช้ปรุงอาหารใน Course นี้ รสชาติโดยรวมอร่อยมากคุณภาพอาหารดีสุดๆ และสุนทรียภาพอีกอย่างหนึ่งคือการจัดวางจานที่เชฟบรรจงจัดวางมาอย่างดี Presentation แต่ละจานนั้นสวยงามจริงๆครับ แต่ว่าปริมาณน้อยไปซักสักนิดหนึ่งตามสไตล์อาหารฝรั่ง ฮา….
Halloween Horror Nights at USJ
ช่วงเย็นเราไปร่วมงานเปิดงาน Halloween ที่ USJ ซึ่งเราได้รีวิวไว้แล้วที่นี่เลย ห้ามพลาดฉลองเทศกาล HALLOWEEN 2017 สุดเหวี่ยงUNIVERSAL STUDIOS SINGAPORE
ตอนนี้คืออยากรู้ว่าปีหน้า 2018 งานจะออกมาน่าดูน่าเที่ยวขนาดไหน รอกันไปน้า…
ไหว้พระที่วัดพระเขี้ยวแก้ว buddha tooth relic temple
เช้าวันกลับหลังจากเช็กเอาท์จากโรงแรมเราเดินทางไปไหว้พระกันที่วัดเขี้ยวแก้วที่อยู่ในย่านไชน่าทาวน์ของสิงคโปร์ วัดนี้ผมเองก็มีโอกาสมาแล้วหลายครั้งซึ่งที่ผ่านมาผมเคยเห็นภาพจากมุมสูง แต่ยังไม่เคยเดินหาว่าต้องถ่ายจากจุดใดวันนี้ตอนมาถึง แทนที่จะเข้าไปไหว้พระผมเลยสะกิดเพื่อนอีกคนที่ไปด้วยกันว่าไปหามุมถ่ายรูปกันดีกว่า ซึ่งตึกด้านหลังเป็นอพาร์ตเม้นต์เก่าๆมีบันไดให้สามารถเดินขึ้นไปได้ เราเลยไม่รอช้าลองขึ้นไปสำรวจก็พบว่ามุมนี้แหล่ะที่คนอื่นเค้าถ่ายรูปกันมา
อร่อยฟินที่ภัตรคาร YUMCHA
สำหรับมือกลางวัน เราไปทานกันที่ร้าน Yumcha ซึ่งเป็นร้านอาหารจีนขึ้นชื่อร้านหนึ่งในไชน่าทาวน์เลย
เดินเล่นพื้นที่สีเขียวใจกลางเมืองที่ Fort Canning
ช่วงบ่ายผมมีโอกาสไปเดินเล่นอีกสถานที่หนึ่งซึ่งผมยังไม่เคยมาหาเที่ยวสักครั้งในการมาเที่ยวสิงคโปร์นั้นคือ Fort Canning ซึ่งบริเวณใกล้กันก็จะมีพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของสิงคโปร์อยู่ด้วยนะ ที่สวนสาธารณะแห่งนี้ถือว่ามีมุมให้ถ่ายรูปเยอะแยะเลยโดยจุดที่คนนิยมถ่ายรูปกันมากที่สุดก็คือบริเวณบันไดเวียนนี่แหละ
หลังจากนั้นผมก็ไป Shopping กันที่ถนน Orchard ทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านที่ดีซื้อกระเป๋าฝากภรรยาสักหน่อย ฮา….
ทั้งหมดนี้ก็เป็นการจบทริปฟินๆอีกทริปที่สิงคโปร์ อย่างที่ผมบอกไปตั้งแต้ต้นครับว่า สิงคโปร์เป็นประเทศที่ดูเหมือนเล็กไม่มีอะไรให้เที่ยว แต่จริงๆแล้วเป็นประเทศที่มีการพัฒนาขึ้นตลอดเวลา มีสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆให้เปิดมุมมอง เปิดประสบการณ์ดีๆเสมอ
ทริปนี้ต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทั้งหมด AirAsiaธนาคารกรุงเทพ AirAsiaBig และ MasterCard ที่พาผมมาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ และอย่าลืมถ้าอยากได้รับสิทธิประโยชน์เจ๋งๆ แบบที่ผมได้รับในทริปนี้ สมัครเลย –> บัตรเครดิตแอร์เอเชียธนาคารกรุงเทพ
หากคุณชอบรีวิวของเราเพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ไลค์แชร์ก็จะเป็นกำลังใจอย่างยิ่งหรือหากอยากติดตามประสบการณ์ดีๆไปกับพวกเราเพียง Bookmark http://www.travelplanetx.comหรือติดตามได้ที่ Facebook Fan Page: Travel Planet Xperiences ได้เลยจ้า