Dusit D2 khaoyai

ดื่มด่ำธรรมชาติ ในบรรยากาศสุดชิค ใจกลางเขาใหญ่

หน้าฝนใครว่าเที่ยวไม่ได้ อยากให้ลองมาเที่ยวเขาใหญ่กันดู มาดื่มด่ำธรรมชาติที่มรดกโลกอีกแหล่งของประเทศไทยอย่างเขาใหญ่ ในบรรยากาศสบายๆชิคๆ ที่โรงแรมแบรนด์ห้าดาวอย่าง Dusit D2 khaoyai

หน้าฝนปีนี้ เราขอพาครอบครัวหนีน้ำท่วมรถติด มาเที่ยวเขาใหญ่กันหน่อย ไม่น่าเชื่อนะ ว่าระหว่างขับรถมาอากาศด้านนอกรถร้อนมากๆ ประมาณ 36 องศา แต่พอขับมาถึงเขตเขาใหญ่แล้วอุณหภูมินอกรถอยู่ที่ 26 องศาเอง เย็นสบายจริงเชียว ทริปนี้เรากะว่าจะมาเที่ยวชมธรรมชาติ สูดรับโอโซนล้างปอดกันซะหน่อย และอยากพาลูกวิ่งเล่นกับธรรมชาติให้มากๆด้วย เพราะตอนนี้เดินวิ่งได้คล่องแล้ว เท้าอยู่ไม่เป็นสุข วิ่งตลอดเวลาเหมือนใส่ถ่านอัลคาไลน์ เราเลยขอมาพักที่โรงแรมกว้างๆ ที่มีพื้นที่ให้เด็กวิ่งเล่นโดยเราไม่ต้องคอยห้ามนู่นนี่ตลอดเวลา เพื่อจะได้ไม่ไปปิดกั้นพัฒนาการของเค้า เลยมาลงตัวกันที่ Dusit D2 Khaoyai โรงแรมที่พอมาถึงแล้วลูกเราร้องว้าวๆๆๆ คำแรกเลย

ทำไมน่ะเหรอ…. เพราะพอมาถึงจอดรถเอาของลงปุ๊บ ก็จะเจอน้ำพุเต้นระบำปั๊บ เด็กตื่นตาตื่นใจมากๆ แถมพอนั่งตรง reception ตอนรอเช็คอิน อากาศก็สบายๆ มีลมพัดเรื่อยๆ open air กับวิวภูเขาดีๆ พร้อมที่โล่งๆ  เด็กยิ้มตลอดเลยจ้า

หลังจากนั้น เราก็ขึ้นรถกอล์ฟมาที่ห้องพัก ระหว่างทางจะผ่านสนามหญ้า ดอกไม้สวยๆ และคอกอัลปาก้า ซึ่งมองเห็นได้แต่ไกล เราเลยกะว่าจะพาลูกมาดูใกล้ๆ ในวันรุ่งขึ้น เพราะวันนี้เดินทางมาเหนื่อย อยากจะไปพักผ่อนที่ห้องก่อน

ห้องพักที่นี่เป็นตึก 3 ชั้น เราอยู่ชั้น 3 วิวดีมากๆ ฝั่งหน้าประตูห้องมองลงมาเห็นอัลปาก้าจากห้องเลย ส่วนฝั่งตรงข้ามกันสามารถมองจากระเบียงห้องพักลงมาเห็นสนามหญ้าด้านล่าง มีสุนัขพันธุ์น่ารักๆ มาวิ่งเล่นออกกำลังกายตอนเย็นๆ ด้วย อ้อ… ลืมบอกไปว่า ที่โรงแรมดุสิตดีทูเขาใหญ่ เค้าเปิดให้แขกนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาพักด้วยได้นะ เราจะเห็นแขกที่นำสัตว์เลี้ยงมาจะเข้าพักห้องชั้น 1 น่าจะเพื่อความสะดวกเวลานำสัตว์เลี้ยงออกมาวิ่งเล่น เด็กเล็กๆ เวลาเห็นสุนัขน่ารักๆ วิ่งเล่นที่สนามจะร้องกรี๊ดกร๊าด พูดจ๋อยๆ อยากจะลงไปเล่นด้วย ถึงแม้ว่าที่นี่จะมีสุนัขมาเข้าพักกับแขกบ้าง แต่พื้นที่ส่วนกลางด้านนอกก็ไม่สกปรกเลอะเทอะนะ

มาดูในส่วนห้องพักกัน เราพักห้องดีลักซ์ ที่ห้องน้ำเปิดโล่ง แบบโล่งจริงๆ น่ะ โล่งถึงเตียงนอน ทำให้ห้องดูกว้างขวาง เวลาเข้าห้องน้ำก็ชมวิวภูเขาไปพลางๆ บางทีก็ย้ายมาแช่อ่าง เปิดประตูระเบียงรับอากาศบริสุทธิ์ไปด้วย หากอยากเป็นส่วนตัว ก็รูดม่านปิดรอบห้องน้ำได้เลย น้องโฟกัสนี่ชอบมากมาถึงนี่ลงอ่างๆก่อนเลย 5555

กลางห้องมีพัดลมเพดานเก๋ๆ ให้ด้วย ไว้ให้แขกที่อยากรับโอโซน ปิดแอร์เปิดพัดลมได้เลย เตียงนอนที่นี่นุ่มเด้ง หลับสบายเลยล่ะ

หากไม่เหนื่อยเกินไป อยากแนะนำให้ตื่นเช้าๆ มาสูดโอโซน และชมวิวแบบนี้

หรือจะมาเล่นกับอัลปาก้าก็ได้นะ เข้าไปในคอกได้เลย ใกล้ชิดมากๆ ใครพาเด็กไปด้วยเด็กน่าจะชอบ อย่างว่าล่ะ เด็ก / สัตว์เลี้ยง / ธรรมชาติ มักจะเข้ากันได้ดีเสมอ

 ใครอยากดูความน่ารักของอัลปาก้าแบบคลิป ก็ตามมาดูในคลิปนี้ได้เลย เด็กชอบมาก!

https://youtu.be/xGPjc2eBjzc
หลังเดินชมวิวตอนเช้าแล้วก็มาทานข้าวเช้ากันต่อที่ห้องอาหารเช้าซึ่งอยู่ติดกับ lobby จะเลือกนั่งด้านใน หรือนั่งชมวิวด้านนอกก็ได้นะ มองไปจะเห็นสระว่ายน้ำแบบ infinite pool ด้านหลังเป็นภูเขา อากาศตอนเช้าก็เย็นสบาย ไม่ต้องอยู่ในห้องแอร์ก็ได้

ไลน์อาหารเช้าที่นี่ จะเน้นอาหารไทยมากกว่าอาหารนานาชาติ เราชอบ ต้มข่าไก่ / แกงเขียวหวานปลาทูมากๆ รสชาติถึงเครื่องจริงๆ แต่ถ้าใครจะทานแบบเบาๆก่อน เค้าก็มีมุมข้าวต้ม ให้ตักทานได้ พร้อมกับข้าวที่สลับสับเปลี่ยนไปในแต่ละวัน ตอนเราไปจะเป็นปลาเล็กปลาน้อยทอดโรยเกลือ ยำหมูยอ กุนเชียง

ซึ่งเราชอบนะที่มีข้าวต้มด้วย เพราะเด็กๆ ทานได้ง่าย สำหรับครอบครัวเรายังไม่ให้ลูกทานอาหารปรุงรสเท่าไหร่ เพราะตับไตเค้ายังไม่แข็งแรง จึงให้ทานข้าวต้ม ไข่ต้ม ผักสด (เค้ามีซุ้มสลัดผักสดให้ด้วยน้า) ผลไม้สด และกับข้าวง่ายๆที่เตรียมมาเอง อย่าง ปลาดุกฟูผสมตำลึง (นี่มันเมนูหลอกลูกให้กินผักนี่นา)

พื้นที่รอบๆ ห้องอาหารกว้างมากนะ สามารถเดินเล่นได้เลย นอกจากจะมีสระว่ายน้ำพร้อมบาร์เล็กๆ ไว้บริการแล้ว อีกด้านยังเป็นลานโล่งๆ ไว้ชมวิวให้หนำใจ หรือใครอยากทานอาหารที่โคคูนตอนเย็นๆ ก็สั่งมาทานได้ โรแมนติกไปอีกแบบ เราว่าค่อนข้างเหมาะกับคู่รัก ที่อยากทานข้าวด้วยกันแบบสวีทๆหน่อย ทานไปด้วย ชมพระอาทิตย์ตกไปด้วย แต่ที่โคคูนเค้าจะเน้นเป็นสเต็กมากกว่าอาหารไทยนะ

หลังทานข้าวเสร็จก็จะมีครอบครัวพาเด็กๆ มาเล่นน้ำกันบ้าง ส่วนเราขอเป็นบ่ายเย็นๆ ก่อนกินข้าวดีกว่า เจ้าตัวเล็กจะได้ใช้แรงเยอะๆ กินข้าวได้เยอะๆ ฮา….ข้างๆ สระใหญ่เค้ามีอ่างจากุชชี่ให้ลงด้วยน้า แช่น้ำ นวดตัวในจากุชชี่ มองวิวภูเขา แล้วก็มี Pool Bar  ให้สั่งเครื่องดื่มเย็นๆ มานั่งดริ๊งค์ได้ด้วยละ

สำหรับคนที่ชอบกิจกรรมแอดเวนเจอร์ ก็เลือกไปปีนหน้าผา ขี่จักรยาน ได้ ที่ Dusit D2 นี่เค้ามีบริการให้หมดเลยจ้า แต่ถ้าอยากออกเหงื่อในห้องแอร์ ก็ไปฟิตเนส ตามด้วยซาวน่า หรือต่อด้วยสปาก็ได้นะ แต่เราชอบเดินเล่นชมรีสอร์ท กับวิวสวยๆ มากกว่า

พอได้เข้ามาพักที่นี่แล้วไม่ค่อยอยากออกไปไหน เราเลยทานข้าวกันที่ห้องอาหาร….ของดุสิตดีทูเขาใหญ่เลย จากที่ทานมาทุกมื้อด้วยเมนูมากหน้าหลายตา ครอบครัวเราลงความเห็นตรงกันว่า เชฟที่นี่ทำอาหารไทยได้อร่อย บางเมนูที่เราไม่เคยชอบกินเลย อย่างข้าวอบสับปะรด แกงเผ็ดเป็ดย่าง เชฟปรุงได้อร่อยจนเราเหมาหมด

เราชอบตรงข้าวอบสับปะรดผัดได้ไม่แห้งไม่แฉะกำลังดี รสชาตไม่เปรี้ยวสับปะรดเกินไป แกงเผ็ดเป็ดย่าง ก็มีการใส่องุ่น แอปเปิล มาในแกงด้วย รสชาติเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ

ส่วนของหวานเราชอบสาคูแคนตาลูปที่เสริฟมาในลูกมะพร้าวนะ มีเนื้อมะพร้าวขูดเส้นๆ มาให้เคี้ยวหนุบหนับด้วย ส่วนครีมบูเรเราว่าทำได้อร่อยเลยล่ะ แต่มาเสริฟด้วยถ้วยใหญ่ไปนิด ทำให้พอกินไปเยอะๆ แล้วรู้สึกหวานมากเกินไปนิด แต่ตอนกินครึ่งถ้วยแรกอร่อยมากๆ (คือเราไม่ชอบกินหวาน แต่ถ้าใครชอบหวาน น่าจะชอบถ้วยนี้) สำหรับเมนูอาหารนานาชาติเราว่ารสชาติใช้ได้นะ แต่ถ้าเทียบกับอาหารไทยแล้วเราชอบอาหารไทยที่เชฟทำมากกว่า แต่อันนี้ขอออกตัวเอี๊ยดก่อนว่าเราเป็นคนชอบกินอาหารรสจัด เมนูอาหารนานาชาติที่เรากินจะเป็นซุปมะเขือเทศเสริฟพร้อมกับขนมปังกรอบ อันนี้เราชอบรสชาติที่ออกเปรี้ยวๆของมะเขือเทศทำให้สดชื่นและเรียกน้ำย่อยได้ดี แต่จานใหญ่ไปหน่อยกินไม่หมดจ้า และก็ได้ลองชิมปีกไก่ทอดด้วยนะ แต่เราว่ารสชาติอ่อนไปนิดสำหรับลิ้นอาหารแซ่บอย่างเรา

ช่วงที่เราไปเรามีโอกาสเข้าไปดูห้องแบบ Duplex Suite  มาด้วยซึ่งห้องแบบนี้มีเพียง 2 ห้องเท่านั้น ห้องนี้จะเป็นห้อง 2 ชั้น โดยที่ชั้นล่างจะเป็นส่วนของห้องรับแขก และด้านบนเป็นห้องนอน

ห้องนี้ถือว่าเป็นห้องที่กว้างขวางน่าดูเลย แต่อาจจะยังไม่เหมาะกับครอบครัวเราเท่าไหร่ เพราะครอบครัวเรามีเด็กเล็กไง แล้วมันมีบันไดในห้องนอนแอบกลัวว่าลูกจะวิ่งเล่นแล้วตกบันได รอโคอีกนิดละกันเนอะ

ทริปนี้ก็ถือว่าเป็นอีกทริปหนึ่งที่ครอบครัวเรามีความสุข โดยเฉพาะความสุขที่ได้เห็นเด็กน้อยของเรามีความสุข ได้เห็นได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้เซย์เฮลโหลกับอัลปาก้า ได้ประสบการณ์ดีๆทุกครั้งที่ได้เดินทาง และช่วงที่ครอบครัวเรามานั้นเป็นวันธรรมดาที่ไม่วุ่นวาย เป็นเขาใหญ่ที่สงบเงียบ รถไม่ติด ไม่ต้องแย่งใครเที่ยว ได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่เลย

บทสรุป โรงแรมดุสิต ดีทู เขาใหญ่ (Dusit D2 Khaoyai)

โรงแรมดุสิต ดีทู เขาใหญ่ ถือเป็นอีกหนึ่งบูทีคโฮเทลชิคๆ ที่แบรนด์หรูโรงแรมห้าดาวอย่างเครือดุสิตธานีลงมาทำเอง

• เดินทางสะดวก โรงแรมตั้งอยู่เส้นเชื่อมเขาใหญ่ วังน้ำเขียว เดินทางราวๆ 2:30 ชม.ก็ถึงแล้วยิ่งอีกหน่อยมอร์เตอร์เวย์เส้น บางปะอิน-โคราชเสร็จจะยิ่งเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้น
• โรงแรมตั้งอยู่ในพื้นที่ติดอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ทำให้อากาศสดชื่น บริสุทธิ์ ตลอดทั้งปี
• โรงแรมนี้เป็นแบบ Pet-Friendly คือสามารถนำ น้องหมา น้องแมว  มาเข้าพักได้ โดยจะเข้าพักได้เฉพาะชั้น 1  เท่านั้น
• ภายในโรงแรมมีกิจกรรมให้ทำมากมาย ทั้งว่ายน้ำ ปีนหน้าผา ฟิตเนส ซาวน่า
• มีฟาร์มอัลปาก้าให้สามารถเข้าไปชมได้อย่างใกล้ชิดโดยมีเจ้าหน้าที่ของรีสอร์ตคอยให้บริการอำนวยความสะดวกตลอดเวลา
• พื้นที่ในโรงแรมเปิดโล่ง ตกแต่งสวนได้สวย ดูแลดีไม่มีรก
• มีรถกอล์ฟบริการทั้งโรงแรมสามารถเรียกใช้ได้ตลอดเวลา
• การตกแต่งห้องเน้นความโล่ง โปร่ง สบาย ส่วนของห้องน้ำกับห้องนอนกั้นด้วยรางผ้าม่าน ทำให้ห้องรู้สึกกว้างมากๆ และแต่ละห้องมีระเบียงให้ชมวิวได้ด้วย

สำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้

• เว็บไซต์โรงแรม https://www.dusit.com/dusitd2/khaoyai
• เช็คราคาและจองที่พักผ่าน expedia.co.th
• เช็คราคาและจองที่พักผ่าน agoda.com
• เช็คราคาและจองที่พักผ่าน Booking.com
• ตรวจสอบโปรโมชั่นของเอเยนซี่ต่างๆ –> http://www.travelplanetx.com/?p=5869

หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ ฝากคอมเม้นท์ ไลค์ แชร์ ก็จะเป็นกำลังใจอย่างยิ่ง หรือหากอยากติดตามประสบการณ์ดีๆไปกับพวกเราเพียง Bookmark http://www.travelplanetx.com หรือติดตามได้ที่ Facebook Fan Page: Travel Planet Xperiences ได้เลยจ้า