Aug-2017
48 ชั่วโมง ฮ่องกง กิน เที่ยว ถ่ายรูป จัดเต็มอาทิตย์ไหนๆ ก็ไปได้ไม่ต้องลางาน
48 ชั่วโมง ฮ่องกง กิน เที่ยว ถ่ายรูป จัดเต็มอาทิตย์ไหนๆ ก็ไปได้ไม่ต้องลางาน
ฮ่องกงหนึ่งในประเทศที่คึกคักที่สุดในโลก และมีที่เที่ยวที่ถ่ายรูปเยอะที่สุดแถมยังอยู่ใกล้ๆเมืองไทย ซึ่งสามารถเดินทางแสนสะดวกไปง่ายๆได้ทุกอาทิตย์ แบบไม่ต้องลางานกันเลย มาดูกันว่าทริป 48 ชั่วโมง ฮ่องกง กิน เที่ยว ถ่ายรูป เราจะไปเที่ยวกันได้มากขนาดไหน
ปัจจุบันตั๋วโปรโมชั่นไปฮ่องกงมีมากมายเต็มไปหมดแม้แต่วันหยุดเสาร์อาทิตย์ ทำให้เราสามารถหาตั๋วโปรถูกๆได้ทั้งสายการบินโลว์คอส และสายการบินฟูลเซอร์วิสได้อย่างสบายๆ ในราคาราวๆ 3,000 -6,000 เท่านั้นเอง ยิ่งปัจจุบัน Traveloka มักจะมีโปรโมชั่นเจ๋งๆลดราคาตั๋วท็อปอัพไปอีกหลายร้อยบาท ยิ่งทำให้การเดินทางไปเที่ยวฮ่องกงนั้นถูกสุดๆไปเลย [[ตรวจสอบโปรโมชั่นเจ๋งๆจาก Traveloka]]
สำหรับทริป 48 ชั่วโมง ฮ่องกง กิน เที่ยว ถ่ายรูป จัดเต็มไม่ต้องลางาน เราสามารถบินไปเที่ยวได้ตั้งแต่คืนวันศุกร์เลยก็ได้ เพียงเท่านี้เราก็จะมีเวลาที่ฮ่องกงเสาร์-อาทิตย์เต็มๆแบบไม่ตองลางานแล้ว หรือจะบินช่วงเช้ามืดวันเสาร์ก็โอเคเราก็จะประหยัดค่าที่พักไปอีก 1 คืนก็ถือเป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลยนะ แต่เอาจริงๆค่าที่พักถ้าเราพักโฮสเทลต่อคืนมันก็ไม่แพงอยู่แล้วละ
แต่วิธีที่เราจะมาแนะนำคือการหาสายการบินที่มีไฟลท์บินช่วง ระหว่างเที่ยงคืนถึงตี 3 อะไรแบบนี้เราก็จะสามารถได้เที่ยวเต็มๆ 48 ชั่วโมงโดยจองโรงแรมแค่ 1 คืนแล้ว
ซึ่งจากที่ผมดูไฟลท์ต่างๆแล้ว ตารางบินของ Hong Kong Airlines จะดูสวยที่สุดคือสามารถขึ้นเครื่องจากไทยประมาณ ตี 4:40 ซึ่งเราสามารถนอนหัวค่ำแล้วตื่นมาเหมือนดูบอลรอบดึกแล้วนั่งรถมาที่สนามบินได้เลย ไฟลท์นี้เราจะมาถึงฮ่องกง 9:00 เข้าเมืองแล้วก็เที่ยวได้เลย ส่วนวันกลับเราสามารถเลือกไฟลท์เที่ยงคืนหรือ ตี2 วันจันทร์เราจะมาถึงไทยราวๆ ตี4 นั่งรถกลับบ้านเก็บของออกไปทำงานเช้าได้พอดี อย่างราคาที่ผมลองหาดู 16-18 กันยายน 2560 เนี่ยราคาอยู่ที่ราวๆ 6,800 บาท ยิ่งถ้าช่วงที่มีโปรโมชั่นดีๆนะได้ราคาแถว 5,000 บาทกับบริการแบบ Full Service ผมว่าคุ้มค่าอยู่นะ หรือใครมีงบอีกหน่อยจองแบบ Business Class ราคาก็อยู่ที่ 11,200 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเพราะว่าปกติราคาตั๋ว Business Class มักจะมีราคาเกือบๆ 3 เท่าของตั๋ว Economy เลยนะ
ว่าด้วยเรื่องที่พัก
สำหรับย่านที่พักยอดนิยมของการไปเที่ยวฮ่องกงก็จะเป็นเส้นถนนนาธาน (Nathan Road) ซึ่งเราสามารถนั่ง Airport Bus สาย A21 ตรงยาวมาจากสนามบินได้เลย บนถนนนาธานคนมักจะนิยมพักกันที่ Tsim Sha Tsui หรือ Mongkok ที่จะมีโฮสเทลราคาถูกๆเยอะแยะเต็มไปหมด ส่วนตัวผมเคยพักทั้งสองย่าน เรื่องราคาใกล้เคียงกัน ย่านจิมซาจุ่ยจะได้เปรียบเรื่องทำเล ที่สามารถเดินไปริมอ่าว Victoria ได้ง่าย ส่วนย่านมงก๊กจะอยู่ติดย่านช้อปปิ้งโดยเฉพาะเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์และราคาอาหารถูกกว่า [[หาที่พักในฮ่องกงกับ Traveloka]]
ส่วนตัวผมเทใจให้ย่านมงก๊กเพราะที่พักแลจะสะอาดกว่า โฮสเทลที่ผมชอบคือ ดรากอนโฮสเทล เป็นที่พักที่ผมพักมาตั้งแต่ราว 15 ปีที่แล้วสมัยที่ยังต้องจองที่พักตรงกับโฮสเทลเท่านั้น แต่ปัจจุบันสามารถจองผ่าน Online Agency อย่าง Traveloka ได้สบายๆ ซึ่งบ่อยครั้งก็จะมีโปรท็อปอัพที่พักให้ยิ่งถูกเข้าไปอีก
ใครสนใจห้องที่ ดรากอนโฮสเทล ก็สามารถดูราคาจากลิงค์นี้ได้เลยจ้า [[ตรวจสอบราคาที่พักที่ ดรากอนโฮสเทลจาก Traveloka]]
Day 1 เที่ยวถ่ายรูปย่านเกาะเกาลูน
สำหรับวันแรกจะเป็นการเที่ยวในฝั่งเกาลูน เพราะเป็นฝั่งเดียวกับที่พักที่ไป ซึ่งก็ถือว่าสะดวกดีเพราะสามารถเช็คอินแล้วก็เที่ยวใกล้ๆได้เลยไม่ต้องเดินทางไกล และฝั่งนี้ก้มีที่เที่ยว และมีจุดชมวิวสวยๆเพียบ รวมถึงมีร้านอาหารอร่อยเด็ดอีกด้วยนะเออ
3:00 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เช็คอิน
4:40 ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ
สำหรับวันแรกเราจะออกบินจากสนามบินสุวรรณภูมิกัน ซึ่งไฟลท์บินของฮ่องกงแอร์ไลน์ที่ผมบอกนั้นจะบินกันตอน 4:40 ซึ่งก็โอเคเลยเพราะเราได้นอนงีบนึงก่อนตื่นมาขึ้นเครื่องกัน ไฟลท์จะใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมงเราจะหลับต่อก็หลับได้สบายๆ จะได้เก็บแรงไปฟินกันที่ฮ่องกงได้เลย
ขอบคุณรูปจาก Hong Kong Airlines
9:00 ถึงสนามบิน Chek Lap Kok ตรวจคนเข้าเมืองเอากระเป๋าเดินทางไปยังที่พัก
โดยทั่วไปแล้วหลังจากลงเครื่องเราจะใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมงกว่าในการเดินทางมายังที่พักโดยการนั่ง Airport Bus สาย A21 มาได้เลย โดยออกจากที่รับกระเป๋าแล้วก็ให้เดินไปตามป้ายที่บอกว่าไป Bus Station ได้เลย
และอย่าลืมนะ ไปฮ่องกงเราควรมี Octopus Card เอาไว้ขึ้นรถเมล์ รถไฟใต้ดิน MTR กันด้วย เพราะสะดวกและถูกกว่า [[อ่านรายละเอียดบัตร Octopus Card เพิ่มเติม]] ซึ่งบัตรนี้เดี๋ยวนี้หลายคนซื้อแล้วไม่ค่อยคืนตอนกลับหรอกเพราะจะเสียเงินมัดจำ ดังนั้น เราลองหายืมจากเพื่อนๆของเราดู หาไม่อยากหรอก เชื่อเราซิ
เราจะถึงที่พักประมาณเที่ยงๆ เราก็เช็คอินฝากของไว้แล้วก็ออกเที่ยวได้เลย หรือถ้าเราอยากเช็คอินเข้าห้องก่อน (ที่นี่สามารถเช็คอินได้หลังบ่ายสองโมง) ก็เริ่มจากฝากของแล้วเดินไปช้อปปิ้งเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ที่ย่านมงก๊กก่อนก็โอเคนะ
12:00 กินข้าว / ช้อปปิ้งที่ย่านมงก๊ก
อย่างที่บอกไปย่านมงก๊กถือเป็นย่านช้อปปิ้งสำคัญของฝั่งเกาะเกาลูน ที่มีทั้งเสื้อผ้าแบนด์เนม และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มากมาย สมัย 13 ปีที่แล้วผมมาได้เครื่องเล่น MP3 เครื่องแรกในชีวิตจากที่นี่นี่แหละ ซึ่งราคาถูกกว่าเมืองไทยหลายพันบาทอยู่ ฮา…… ส่วนของกินที่ย้านมงก๊กเนี่ยจะถูกกว่าย่าน Tsim Sha Tsui พอสมควรเลย ผมเคยกินบะหมี่ฮ่องกงในราคาแค่ HK$ 10 เท่านั้นเอง
14:30 ไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลที่ วัดหวังต้าเซียน (Sik Sik Yuen Wong Tai Sin Temple) / เดินชมวัดนางชี (Chi Lin Nunnery)
หลังจากเก็บของเรียบร้อย เราเริ่มโปรแกรมจากการไปไหว้พระเป็นสิริมงคลที่วัดหวังต้าเซียนก่อนเลย ซึ่งการเดินทางก็ง่ายดายมากๆ เราสามารถนั่ง MTR ไปลงที่หน้าวัดได้เลย จากนั้นก็ต่อ MTR อีกหนึ่งสถานีไปที่ Diamond Hill เพื่อไปเดินเที่ยวเล่นที่วัดนางชีต่อได้ด้วยซึ่งตรงนี้จะมีสวนสวยๆให้เราเดินเล่นได้
15:30 ขึ้นเขาถ่ายพระอาทิตย์ตกที่เขา Fei Ngo Shan (Kowloon Peak Viewing Point)
รอบเย็นวันแรกถ้าอากาศดี เราสามารถขึ้นไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกสวยๆที่ฝั่งเกาลูนได้ ซึ่งจะมีจุดถ่ายรูปยอดนิยมอยู่คือที่เขา Fei Ngo Shan ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้มีคนตั้งชื่อจุดนี้ใน Google map ว่าเป็น Kowloon Peak Viewing Point ที่นี่ส่วนมากแล้วคนฮ่องกงส่วนมากจะขับรถยนต์ส่วนตัวขึ้นไปเพราะไม่มีรถสาธารณะไปถึง ส่วนเราที่ไม่มีรถส่วนตัว ง่ายๆก็คือนั่ง Taxi ไปซึ่ง เราต้องนั่งจากบริเวณสถานี Diamond Hill ที่เราพึ่งออกมาตอนไปเที่ยววัดนางชีนั่นแหละจะเป็นจุดที่สะดวกที่สุด เพราะในสถานีจะมีท่ารถ Taxi ให้เราเรียกได้เลย ตอนไปถ้ากลัวพูดไม่รู้เรื่องอาจจะกดพวก google map ให้เค้าดูชื่อภาษาจีนเอาก็ได้ครับ
20:00 ลงจากเขา Fei Ngow Shan ตบท้ายด้วยโ จ๊กแสนอร่อยที่ร้าน Nathan Noodle and Congee ที่สถานีรถไฟฟ้า Jordan
สำหรับขาลงเราจะต้องเดินลงเขาประมาณ 3-4 กม. เดินประมาณ 40 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ก็จะถึงสถานีรถไฟฟ้า MTR Choi Hung แต่ถ้าโชคดีเดินลงมาซักครึ่งกม. อาจจะมีรถ Taxi ผ่านมาบ้าง อันนั้นเราก็นั่ง Taxi ยาวไปเลยได้ สำหรับโจ๊กที่ Nathan Noodle and Congee ถ้านั่ง MTR มาให้เราออก Exit B1 นั้นตัวร้านจะอยู่ในซอย Saigon ในซอย ข้างๆ โรงแรม Novotel Nathan เลยจ้า
21:30 ชมแสงสีเสียงและช้อปปิ้งย่าน Mongkok / หรือช้อปปิ้งย่าน Tsim Sha Tsui
หลังจากกินอิ่มแล้วเราก็จะกลับไปช้อปปิ้งกันต่อที่ย่านมงก๊กเพราะอยู่ใกล้ๆที่พักของเรานั่นเอง หรือใครมีแรงเหลือๆอาจจะยาวไปช้อปปิ้งที่ย่าน Tsim Sha Tsui ก็ได้นะ ร้านรวงหลายร้านจะปิดเกือบ 5 ทุ่มเที่ยงคืนกันเลย
Day 2 เที่ยวฝั่งเกาะฮ่องกง
วันนี้เราจะต้องเก็บของให้เรียบร้อยก่อนเลยเพราะเราออกจากโฮสเทลช่วงเช้าแล้วเราจะเที่ยวยาวๆทั้งวันเลย ซึ่งดรากอนโฮสเทลเราสามารถฝากของไว้ได้ แล้วก่อนกลับเราค่อยวกกลับมาเอากระเป๋า แต่เราต้องบอกเวลาที่จะกลับมาเอากับเค้านิดนึง เพราะโปรแกรมเราแบบว่าจัดเต็มมากๆ กว่าจะกลับมาเอากระเป๋าก็ดึกกันเลยทีเดียว แต่ก็ไม่มีปัญหาเพราะที่นี่เปิด 24 ชม. เลย
4:00 ชมพระอาทิตย์ขึ้นจาก Victoria Peak
เราจะขึ้นไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นกันแต่เช้าเลย ซึ่งจุดที่ถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นสวยที่สุดของฮ่องกงก็จะหนีไม่พ้นบริเวณ Victoria Peak ซึ่งเช้าขนาดนี้พวกรถราง รถบัสที่ขึ้นไปจะยังไม่มี ก็แนะนำให้ขึ้นไปโดยการเรียกแท็กซี่ ซึ่งแท็กซี่ของฮ่องกงราคาก็ไม่ได้แพงเท่าไหร่ จากย่านมงก๊กขึ้นไปราคาจะอยู่ราว HK$120 -150 ถ้าไปกันหลายคนหารมาแล้วก็ไม่แพงมาก ใช้เวลาเดินทางตอนเช้าราวๆ 25 นาที
พระอาทิตย์ที่ฮ่องกงถ้าเป็นช่วงหน้าหนาว (ปลายปี/ต้นปี) พระอาทิตย์จะขึ้นราวๆ 7:00 ส่วนหน้าร้อน(กลางปี) จะขึ้นราวๆ 5:40 และเราต้องเพื่อเวลาสำหรับเดินซัก 20 นาทีด้วยนะ เพราะจุดที่ดีที่สุดในการถ่ายรูป คือตรงบริเวณ Lugard Rd. Lookout จะต้องเดินจากตรงอาคาร Victoria Peak ออกไปประมาณ 1 กม.จ้า
ดังนั้นเราต้องเรียก Taxi ก่อนเวลาพระอาทิตย์ขึ้นอย่างน้อย 1 ชม. ซึ่งหากเราอยากถ่ายภาพช่วง Twilight แนะนำให้ขึ้นมาเช้าอีกซักนิดจะได้ทันตอนช่วงฟ้าสีน้ำเงินที่สวยงามอีกด้วยนะ
7:30 ถ่ายรูปกับ Tram หนึ่งในสัญลักษณ์ของฮ่องกง
หลังจากถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จแล้วเราอาจจะรออีกซักนิดให้ถึงเวลาที่ Tram เปิดให้บริการ(ตอน 7 โมง) เพราะเราจะได้ถ่ายภาพ Tram อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของฮ่องกงคู่กับตึกระฟ้าเป็นแบ็คกราวด์ด้านหลังได้ด้วย
8:30 เดินเล่นชมเมืองแหงนหน้ามอง Bank of China
ลงจาก Victoria Peak ซึ่งถ้าอยากจะประหยัดเงินสามารถนั่งรถบัสลงไปได้นะ แต่เราแนะนำให้นั่ง Tram ลงไปเพราะว่าจากสถานี Tram ลงไปเนี่ยจะอยู่ใกล้ๆกับหนึ่งในตึกสัญลักษณ์ของฮ่องกงนั่นคือ Bank of China ซึ่งเราสามารถถ่ายรูปมุมเงยขึ้นไปได้สวยงามเชียวล่ะ
10:00 เดินเล่นย่านตัวเมืองเที่ยวบันไดเลื่อนที่ยาวที่สุดในโลก Central-Mid-Levels Escalators แวะกินทาร์ตไข่เจ้าอร่อยที่ Tai Cheong Bakery
หลังจากไปแหงนมอง Bank of China แล้วเราเดินต่อไปทางถนนที่ Queen’s Road เพื่อแวะไปเดินเล่นที่ Central-Mid-Levels Escalators ซึ่งถือว่าเป็นบันไดเลื่อนที่ยาวที่สุดในโลกที่ได้บันทึกลง Guinness World Records แต่แค่นั้นอาจจะไม่ดึงดูดเราพอ เพราะจริงๆหลังจากเราขึ้นบันไดเลื่อนไปแล้วจะมี ร้านอร่อยให้แวะนั้นคือร้าน Tai Cheong Bakery ซึ่งเป็นร้านขายทาร์ตไข่เจ้าอร่อยที่ผมเคยมากินตั้งแต่สมัยมาที่นี่เมื่อ 13 ปีที่แล้วละ หน้าตาร้านเปลี่ยนไปจากที่ผมเคยไปทานมาพอสมควร
Photo By Mk2010 (Own work) [CC BY-SA 3.0 ], via Wikimedia Commons
11:00 ไหว้เจ้าแม่กวนอิมริมทะเล Tin Hau Temple Repulse Bay
เราสามารถไป Repulse Bay ได้โดยนั่งรถสาย 6 / 6A / 6X จากหน้าสถานี Central ไปได้เลย ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชม. ก็จะถึงโดยให้เราสังเกตว่าเมื่อรถบัสวิ่งริมทะเลเมื่อไหร่ให้มองหาตึกที่มีรูตรงกลางแบบนี้แปลว่าเราถึงละ
แต่จริงๆแล้วหากเราไม่อยากเหนื่อยมากอาจจะไม่ต้องนั่งรถมาเที่ยวที่นี่ก็ได้นะ โดยเปลี่ยนเป็นเดินเล่นชมเมืองแถวสถานี Central / Hong Kong / Admiralty ก็โอเคอยู่
12:30 แวะกินข้าวหน้าหมูทอดแสนอร่อยที่ร้าน Delicious Kitchen ย่าน Causeway bay
จาก Repulse Bay เราสามารถนั่งบัสสาย 40 กลับมาที่ Causeway Bay ได้เลย สำหรับร้านนี้จะอยู่ที่ Cleveland Street, Fashion Walk, Causeway Bay หรือค้นหาด้วยชื่อร้านหรือ พิกัดนี้ 22.282214, 114.185532 ใน google map ได้เลยจ้า อยู่ห่างจากสถานี MTR แค่ไม่เกิน 200 เมตรเท่านั้น จุดเด่นของจานนี้อยู่ที่ตัวหมูทอดที่มาชิ้นใหญ่บึ้มตัวเนื้อหมูชุ่มทอดกรอบนอกเคี้ยวกรุบๆแต่ก็ได้ความหวานจากน้ำซอสและเนื้อหมู พูดง่ายๆโคตรอร่อย ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
14:00 แวะไปถ่ายภาพตึกทรานฟอร์มเมอร์
ตึกหนึ่งที่กลายมาเป็นแลนด์มาร์กของฮ่องกงไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวคือตึก Fok Cheong ซึ่งอยู่บริเวณสถานี MTR Tai Koo exit B ซึ่งนั่ง MTR จาก causeway bay แค่ 12 นาทีเอง ตึกนี้เป็นฉากหนึ่งที่ใช้ในการถ่ายทำเรื่อง Transformer แต่บริเวณนี้เป็นตึกที่พักอาศัย หากจะเข้าไปถ่ายก็จะต้องเคารพสถานีนิดนึงอย่าไปรบกวนชาวบ้านแถวนั้นมากนะ
15:30 เดินเล่น Causeway bay
หลังจากถ่ายรูปเสร็จแล้วเราก็สามารถกลับมาเที่ยวและช้อปต่อที่ย่าน causeway bay ได้อีกรอบ เพราะเป้าหมายชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น เราจะต้องมาต่อบัสแถวนี้แหละ อันนี้ถ้าใครมีเวลาจะนั่งรถรางหรือบัสสองชั้นเที่ยวแถวนี้ก็ชิวดีนะ
16:00 ชมพระอาทิตย์ตกสวยๆที่ Braemar Hill
เราสามารถนั่งรถเมล์สาย 25 จาก Exit E ของสถานี MTR Causeway Bay โดยนั่งไปจนสุดสายเพื่อเดินขึ้น Braemar Hill ชมพระอาทิตย์ตกได้ ที่นี่เป็นอีกสถานที่ที่ชาวฮ่องกงมาเดิน มาออกกำลังกายกัน ที่นี่ต้องใช้เวลาในการเดินจากจุดจอดรถบัสขึ้นไปจุดชมวิวประมาณ 20-30 นาที
21:00 ถ่ายรูปเกาะฮ่องกงจากฝั่งเกาลูน เดินเล่นถนน Avanue of Star หาของกินย่าน Tsim Sha Tsui
หลังจากถ่ายรูปที่ Braemar Hill ลงเขามายังมีเวลาพอที่จะข้ามไปฝั่งเกาลูนเพื่อถ่ายรูปเกาะฮ่องกงจากฝั่งเกาลูนได้อีกรอบ แม้เวลาจะไม่ทันที่มาชมการแสดง Symphony of Light ก็ตาม แต่ก็ถือว่ามาเดินเล่น Avanue of Star ไปในตัวด้วย จากนั้นเราก็ไปกินมื้อค่ำที่ย่าน Tsim Sha Tsui ซึ่งมาอาหารให้กินมากมาย ผมแนะนำให้ลองหาร้านบะหมี่ฮ่องกงดูซึ่งมีอยู่มากมายหลายร้าน รับรองว่าอร่อยแน่นอน
23:00 กลับโฮสเทลเอากระเป๋า มุ่งหน้าสนามบิน Chek Lap Kok
00:30 ถึงสนามบิน/เช็คอิน
สำหรับขากลับต้องดูเวลาให้ดีนิดนึงนะครับ เพราะรถบัส A21 นั้นขาที่กลับไปสนามบิน Chek Lap Kok จะวิ่งเที่ยวสุดท้ายตอน 23:00 ซึ่งถ้าเราขึ้นที่มงก๊กก็อาจจะมีเวลาถึงซัก 23:15 อะไรประมาณนั้น แต่ถ้าขึ้นไม่ทันก็คงต้องใช้ Taxi กันแทนนะ
02:00 ขึ้นเครื่อง Hong Kong Airline กลับไทย
04:00 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กลับบ้านเก็บของแล้วออกไปทำงานเช้าวันจันทร์ได้เลย
ทั้งหมดนี้ก็เป็นทริปสั้นๆ 48 ชั่วโมง ฮ่องกง กิน เที่ยว ถ่ายรูป จัดเต็มอาทิตย์ไหนๆ ก็ไปได้ไม่ต้องลางาน ที่เราสามารถใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่ามากๆ เสมือนหนึ่งเราไปเที่ยวเขาใหญ่ยังไงอย่างงั้น เพราะเอาจริงๆ การเดินทางไปฮ่องกงก็ใช้เวลาบินแค่ 3 ชม. ซึ่งพอๆกับการขับรถจากกรุงเทพฯ ไปเที่ยว เขาใหญ่ หัวหินเลยจริงมั๊ยละ ดังนั้นอาทิตย์ไหนว่างๆอย่าลืมไปใช้เวลา 48 ชั่วโมงที่ฮ่องกงกันละ
หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ ฝากคอมเม้นท์ ไลค์ แชร์ ก็จะเป็นกำลังใจอย่างยิ่ง หรือหากอยากติดตามประสบการณ์ดีๆไปกับพวกเราเพียง Bookmark http://www.travelplanetx.com หรือติดตามได้ที่ Facebook Fan Page: Travel Planet Xperiences ได้เลยจ้า