Aug-2017
Katana Shabu & Japanese Dining – เข้าถึงวิถีญี่ปุ่นอย่างแท้จริงกับคอร์สชาบูสุดพรีเมี่ยม
Katana Shabu & Japanese Dining
เข้าถึงวิถีญี่ปุ่นอย่างแท้จริงกับคอร์สชาบูสุดพรีเมี่ยม
หนึ่งในสิ่งที่คนไทยชื่นชอบญี่ปุ่นก็คงเป็นวัฒนธรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการกิน การบริการ ที่ล้วนมีเอกลักษณ์ในแบบฉบับของตัวเองอย่างมาก แต่ส่วนมากร้านอาหารญี่ปุ่นที่เปิดในไทยนั้น กลับเป็นอาหารญี่ปุ่นแบบผิวๆ ที่ไม่ได้มีการบริการแบบญี่ปุ่นจริงๆ แต่กับที่นี่ Katana Shabu & Japanese Dining เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่จัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่ง การบริการ พนักงาน วัตถุดิบต่างๆ ล้วนอิมพอร์ตมาจากญี่ปุ่นทั้งสิ้น
การไปก็ไปได้ไม่ยากเลย ร้าน Katana Shabu ตั้งอยู่ที่ สุขุมวิท ซอย 23 ขับรถส่วนตัวมาง่ายๆ สามารถเสิร์ช Google Map จากชื่อร้านได้เลย ทางร้านก็มีที่จอดรถไว้รองรับเยอะมากๆ แต่ใครไม่อยากรถติดผมแนะนำให้นั่งรถไฟฟ้ามาจะดีกว่าแล้วค่อยต่อพี่วินมอเตอร์ไซต์มาที่ร้าน จะดูสะดวกและรวดเร็วที่สุด
ร้าน Katana Shabu & Japanese Dining การันตีความเลิศหรูโดยได้จากคะแนน 5 ดาวจาก tripadvisor ซึ่งก่อนไปเราได้ดูข้อมูลตามเวบต่างๆ มาบ้าง ความเห็นที่เจอทั้งหมดเป็นไปในทางเดียวกัน คือ แนะนำให้ไป ดังนั้นเราจึงขอไปลองดูว่าที่ทุกความเห็นแนะนำไว้นั้น จะตรงกันกับเราหรือไม่
หน้าร้านไม่ได้ใหญ่โตนัก ดูออกแนวอบอุ่นๆ หน่อย เมื่อไปถึงก็มีพนักงานในชุดกิโมโนหน้าตายิ้มแย้มออกมาต้อนรับ ตอนเข้าไปแอบบงงๆนิดนึงเพราะเจอพนักงานญี่ปุ่น พูดภาษาญี่ปุ่นมา 5555 เนื่องจากเราได้จองห้องลับของทางร้านไว้ พนักงานจึงพาเราเข้าร้านไปทางประตูลับ ซึ่งต้องผ่านประตูถึง 3 ชั้นด้วยกัน และไม่ผ่านทางเข้าตรงกลาง ตรงนี้ได้คุยกับคนรู้จักเห็นว่าเพื่อความเป็นส่วนตัวของห้องดังกล่าวที่ลูกค้าบางคนไม่อยากเดินผ่านโซนที่มีแขกคนอื่นๆนั่งทานอยู่ ก็สามารถเดินตรงดิ่งไปที่ห้องนี้ได้เลย โดยทางร้านแจ้งว่าห้องนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการมาทานอาหารที่ร้านแบบส่วนตัวมากๆ และเมื่อเข้าไปถึงห้องก็พบว่าห้องมีการตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่หรูหรา สมกับสโกแกนเก๋ๆ ของทางร้านที่ว่า THE REAL SENSATIONAL JAPAN IN BANGKOK
เมื่อเห็นร้านสวยงามขนาดนี้เราจึงอดไม่ได้ที่จะขอชมการตกแต่งในห้องอื่นๆ (ที่ยังไม่มีแขก) โดยแต่ละห้องมีการตกแต่งที่แตกต่างกัน มีจุดเด่นต่างกันออกไป เช่น มีโคมไฟรูปมังกร หรือประดับด้วยดาบซามูไร ทั้งนี้ทางร้านได้อธิบายให้เราฟังว่าของที่ใช้ในการประดับร้านนั้น ล้วนเป็นของที่นำเข้ามาจากทางญี่ปุ่น รวมไปถึงภาพวาดก็ใช้ศิลปินชาวญี่ปุ่นเป็นคนวาดให้ด้วยเช่นกัน
ร้านนี้มีให้เมนูให้เลือกได้ ว่าต้องการแบบ a la carte หรือเป็นคอร์สซึ่งมีชื่อเรียกเก๋าว่า Kaiseki Course ซึ่งจะเป็นคอร์ส 8 อย่างโดยสิ่งที่เราต้องเลือกคือ Main Course ว่าจะเอาเป็นเนื้อประเภทไหน วันที่เราไปตอนแรกเราจะสั่งเป็น A5 Grade Kuroke Wagyu ที่เป็น Signature ของร้านแต่วันนั้นเนื้อ Kuroke หมดสุดท้านเราเลยสั่งเป็นเนื้อมัตสึซากะแทน โดยที่เมนูอื่นๆในคอร์สนั้นจะมีการสลับสับเปลี่ยนกันไปในแต่ละเดือน เพื่อให้แขกที่มาได้ลิ้มลองรสชาติที่แตกต่างกัน
โดยในเดือนที่เราไป คือ สิงหาคม นั้นมีรายการดังนี้
- Appetizer : Cream cheese tofu
- Sashimi : Flesh Japanese spiny lobster and thin sliced flatfist sashimi
- Steamed dish : Abalone Chawan-mushi
- Grilled dish : Grilled rosy seabass with sea urchin
- Arranged small ball : European pear tempura
- Shabu Shabu : Premium A5 Matsusaka Wagyu Shabu shabu
- Soup : Kishimen udon noodles
- Dessert : Raindrop cake
ในการเสิร์ฟแต่ละจาน จะมีการแนะนำอาหารจากนั้นว่าชื่ออะไร ทำจากวัตถุดิบอะไรบ้าง พร้อมแนะนำวิธีรับประทาน เช่น ควรจะทานให้มีส่วนผสมของเนื้อและซอสในคำเดียวกัน หรือว่าให้ทานอะไรไปก่อนแล้วค่อยทานอะไรตามเข้าไปเพื่อให้ได้รับรสชาติที่ดีที่สุดอะไรประมาณนั้น ทั้งนี้คาดว่าน่าจะเป็นการแนะนำมาจากเชฟที่ทำการคิดค้นสูตรอาหารนี้มาอย่างดีแล้วว่าอาหารแต่ละจานควรทานอย่างไร เอาละเรามาเริ่มทานกันเลย
Course 1 Appetizer : จานนี้เป็นเต้าหู้ญี่ปุ่น ที่เนื้อมาอย่างเนียน ทานคู่กับจุนไซ (เป็นยอดไม้คล้ายสาหร่าย ลื่นๆ กรุบๆ) และถั่วแระญี่ปุ่น ถ้วนนี้อร่อยดีครับทานแล้วสดชื่นมากๆ ถือเป็นการ Refresh ร่างกายได้เป็นเอย่างดี
Course 2 Sashimi : จานนี้ตอนออกไปเข้าห้องน้ำเห็นเชฟกำลังเตรียมอยู่เลยถ่ายรูปมาด้วยซะเลย คอร์สนี้เป็นซาซิมิล็อบสเตอร์และปลาตาเดียวญี่ปุ่น จานนี้เค้าแนะนำให้บีบมะกรูดสึดาจิลงไปก่อนแล้วทานคู่กับน้ำจอิ้มมัตสึซาเกะ คือ เข้ากันมาก ที่สำคัญวตถุดิบที่เอามาทำซาซิมิก็ยังสดมากๆ เลยยิ่งขับรสชาติให้หวานกลมกล่อมสุดๆ
Course 3 Steamed dish : เป็นหอยเปาฮื้อกับไข่ตุ๋น จานนี้ก็อร่อยมากๆ ราดด้วยซอสน้ำมันหอยและเนย ความอร่อยตัวนี้ผมชอบที่ความหอมของเนย กับตัวหอบเป๋าฮื่อที่ปรุงมากำลังดีเลย
Course 4 Grilled dish : จานต่อมาจะเป็นโนโดกุโระหรือปลากะพงย่างท้อปมาด้วยไข่หอยเม่นรองจานด้วยทรัฟเฟิลครีมซอสที่ครีมมี่และหอมมากๆ ใครชอบแนวนมๆเนยๆ น่าจะถูกใจ
Course 5 Arranged small ball : จานที่ 5 ออกแนวฝรั่งๆนิดนึงคือเป็นลูกแพร์เชื่อมเอาไปชุบแป้งทอดและห่อด้วย Prosciutto จานนี้ส่วนตัวเฉยๆ เพราะผมเป้นคนไม่ค่อยชอบทานพวก Cold cut แบบนี้เท่าไหร่
Course 6 Shabu Shabu : อันนี้เป็น main course ของ Kaiseki course ที่เราสั่งมาทานกันแน่นอนว่าพระเอกก็คือเนื้อมัตสึซากะระดับ A5 อย่างว่าเนอะกินของแพง เนื้อลายสวยขนาดนี้ ต้องจับมาถ่ายรูปคู่กันซะหน่อย
คอร์สนี้จะมีพนักงานมาลวกเนื้อชาบู ชาบูให้เราซึ่งเป็นบริการสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ที่จะมีพนักงานคอยมาทำให้ ซึ่งคนที่มาทำให้นั้นเป็นชาวญี่ปุ่นเลยตอนไปขอถ่ายรูปน้องพนักงานแอบมีเขินๆนิดนึง ฮาาาา
คอร์สนี้ปริมาณเนื้อที่เสิร์ฟคือคนละ 80 กรัมจะเท่ากับเนื้อประมาณสามชิ้นใหญ่ ซึ่งพนักงานจะทำให้เราทีละชิ้นรอให้เรากินเนื้อหมดก่อนจึงจะนำเนื้อชิ้นใหม่ไปลวกให้โดยคำแรกเค้าจะให้เรากินเนื้อเปล่าเปล่าจิ้มกับน้ำจิ้มซึ่งจะมีน้ำจิ้มอยู่สองแบบคือน้ำจิ้มพอนซึและน้ำจิ้มงา
ส่วนตัวผมว่าน้ำจิ้มพอนซึ อร่อยที่สุดเพราะจะมีรสชาติเปรี้ยวนิดๆ ทำให้ขับความหวานของเนื้อได้เป็นอย่างดี สำหรับคำที่สองและสามพนักงานจะลวกเนื้อมาพร้อมกับน้ำซุปและผักเคียง
สามคำนี้คือฟินมากๆ
Course 7 Soup: จะเป็นเส้นอุดงที่นำไปต้มในน้ำซุปสูตรพิเศษ พร้อมกับมีเกลือพริกไทยและต้นหอม จานนี้รสชาติออกเค็มนิดนึงแต่ไม่มากน้ำซุปก็ใสๆซดคล่องคอดีเลย
Course 8 Dessert : แน่นอนว่าถ้าเป็น course ต้องตบท้ายด้วยของหวาน ซึ่งเซตนี้เสิร์ฟมาเป็นโมจิหยดน้ำ จานนี้จะต้องทานตัวโมจิคู่กันกับถั่วดำหวานและผงถั่วเหลืองและน้ำซอสพร้อมกัน จะได้รสชาติที่ลงตัวสุดๆ เพราะถ้าทานแต่ตัวโมจิหยดน้ำ รสชาติจะจืดๆ
บทสรุป Katana Shabu & Japanese Dining
สรุปแล้ว อาหารโดยรวม มีการจัดจานที่สวยงามน่ารับประทาน เมื่อทานแล้วสัมผัสได้ว่าวัตถุดิบสด และมีคุณภาพ ตัวอาหารมีกลิ่นและรสสัมผัสที่แตกต่างกันอย่างลงตัว พิถีพิถันแบบชาวญี่ปุ่น รวมถึงพนักงานมีความใส่ใจเป็นอย่างมากในการบริการ
หลายจานรสชาติจะออกไปในทางครีมมี่หน่อยๆ แต่ทั้งนี้น่าจะขึ้นอยู่กับเมนูในแต่ละเดือนด้วย เซต 8 course นี้จะให้เนื้อน้อยไปซักนิด (80 กรัม) ถ้าเป็นเซต 5 course จะเพิ่มเนื้อเป็น 120 กรัม ซึ่งถ้าใครเน้นว่าอยากทานชาบู อาจไม่จำเป็นต้องสั่งเป็นคอร์สแบบนี้ก็ได้ สามารถสั่งเป็น ชาบู จานเดี่ยวๆ ได้เลย
สนนราคามื้อนี้อยู่ที่ 4,900.- ซึ่งเหมาะกับท่านที่ชื่นชอบร้านอาหารที่รสชาติดี พรีเมียม และอยากได้รับบริการแบบวัฒนธรรมญี่ปุ่นจริงๆ
ข้อมูลเพิ่มเติม
- Facebook ร้าน Katana Shabu & Japanese Dining https://www.facebook.com/Shabu.katana/
- โทรศัพท์ 02 088 0706
หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ ฝากคอมเม้นท์ ไลค์ แชร์ ก็จะเป็นกำลังใจอย่างยิ่ง หรือหากอยากติดตามประสบการณ์ดีๆไปกับพวกเราเพียง Bookmark http://www.travelplanetx.com หรือติดตามได้ที่ Facebook Fan Page: Travel Planet Xperiences ได้เลยจ้า