Apr-2017
2 วัน 1 คืน จันทบุรี เที่ยวจัดเต็ม ไปได้ทุกอาทิตย์ ไม่ต้องง้อวันหยุดยาว
2 วัน 1 คืน จันทบุรี เที่ยวจัดเต็ม
ประสบการณ์ดีๆไปได้ทุกอาทิตย์ ไม่ต้องง้อวันหยุดยาว
อยากเที่ยวเสาร์อาทิตย์ใช่มั๊ย แต่อยากไปที่อื่นนอกจาก พัทยา หัวหิน เขาใหญ่ หรือเปล่า ถ้าใช่ต้องมาที่นี่ เมืองจันทบูร หรือ จันทบุรี เมืองแห่ง สวนสวรรค์ร้อยพันธุ์ผลไม้ เมืองที่มีอะไรดีมากกว่า บุฟเฟ่ต์ผลไม้ สนใจแล้วใช่ม่ะ งั้นตามมาเลย
จันทบุรีพูดชื่อนี้มาลอยๆหลายๆคนอาจจะคิดว่ามีอะไรให้เที่ยวนอกจากสวนผลไม้.. แต่ในความเป็นจริงแล้วจันทบุรีเป็นจังหวัดที่ครบเครื่องมากๆนะ ไม่ว่าจะเป็นการเที่ยวภูเขา เที่ยวทะเล เที่ยวน้ำตก หรือมาอยู่เพื่อใช้ชีวิตแบบ Slowlife และที่สำคัญจันทบุรียังมีชุมชนเก่าดั้งเดิมที่อยู่มาอย่างยาวนานทำให้จันทบุรีเป็นจังหวัดที่มีอัตลักษณ์ในตัวเองสูงมาก
จันทบุรีเหมาะกับนักท่องเที่ยวในทุกประเภท ไม่ว่าจะเดินทางมาเป็นครอบครัว เดินทางมาเป็นคู่ หรือเดินทางมาแบบลุยๆ ไม่ว่าคุณจะอาศัยในกรุงเทพฯ หรือเดินทางมาจากต่างจังหวัดไกลๆ จันทบุรีล้วนเหมาะสมทั้งสิ้น ถ้าเพื่อนๆได้มาเที่ยวซักครั้งหนึ่งเพื่อนๆจะเข้าใจเลยว่า ทำไมในอดีตที่ผ่านมา รัชกาลที่ 5 จึงทรงยกเมืองอื่นให้ฝรั่งเศสและเลือกที่จะเก็บเมืองจันทบุรีเอาไว้
2 วัน 1 คืน จันทบุรี เที่ยวจัดเต็มไม่ต้องง้อวันหยุดยาว
จันทบุรีเป็นหนึ่งใน Destination ที่เป็นที่นิยมมากในปีที่ผ่านมา และซัมเมอร์ปี 2017 ข้อมูลที่ Traveloka เก็บมาให้นั้น นี้ก็ติดอันดับ 12 ที่เที่ยวทางทะเลที่คนนิยมค้นหามากที่สุด นี่ยังไม่รวมนะว่า จันทบุรี มีอะไรๆมากกว่าทะเล ซึ่งผมเชื่อว่าถ้ามีการรวมที่เที่ยวแบบอื่นเข้าไปด้วย จันทบุรีนี่มีสิทธิ์ติด Top 5 ที่เที่ยวของไทยได้ไม่ยากเลย
แม้จันทบุรีเป็นจังหวัดที่อยู่ไกลกว่าการไปพัทยา ระยอง แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ (220 กม. จากกรุงเทพฯ) ซึ่งจริงๆแล้วเราสามารถจัดทริปแบบ 2 วัน 1 คืนได้สบายๆ ดังนั้นเราจึงสามารถไปเที่ยวได้ทุกอาทิตย์โดยไม่ต้องรอวันหยุดเลยล่ะ ส่วนใครไม่แนใจเรื่องที่พักในจันทบุรี ลองเช็คราคาดูผ่าน Traveloka ได้เลย มาดูคร่าวๆกันดีกว่าว่า ถ้ามาแบบที่เราว่า 2 วัน 1 คืนจะเที่ยวอะไรได้บ้าง
Day 1 เที่ยวสวนทุเรียน ชมวิวถนนริมทะเลที่สวยที่สุดในประเทศไทย เที่ยวเมืองเก่าจันทบูร ย้อนอดีตนอนที่บ้านหลวงราชไมตรี
- 05:00 ออกเดินทางจาก กทม.
- 06:00 แวะกินข้าวเช้าที่ Motor Way
- 09:00 บ้านสวนลุงฉลวย
- 10:00 จุดชมวิวเนินนางพญา อ่าวคุ้งวิมาน คล้องกุญแจคู่รัก
- 11:00 ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
- 12:00 ร้านเรือนริมน้ำ
- 13:00 วังสวนบ้านแก้ว(ที่ประทับของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี)
- 15:00 เช็คอินบ้านหลวงราชไมตรี
- 16:00 บ้านเลขที่ 69 – เดินเล่นในชุมชนริมน้ำ ขนมไข่ป้าไต๊ ร้านหวานคำนึง
- 18:30 โบสถ์อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล
- 19:00 Twilight โบสถ์คาทอลิค / ชุมชนริมน้ำ
- 20:00 อาหารเย็นที่ จันทรโภชนา (สาขาเบญจมราชูทิศ)
Day 2 เที่ยวเมือง ชมตลาดพลอย เล่นน้ำตก กินบุฟเฟ่ต์ผลไม้
- 05:45 ตักบาตรที่หน้าชุมชนจันทบูร
- 08:00 อาหารเช้าที่บ้านหลวงราชไมตรี /ก๋วยจั๊บป้าไหม
- 09:00 เช็คเอ้าท์ / ศาลหลักเมือง/ศาลพระเจ้าตากสิน
- 09:30 ศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับ / ตลาดพลอย
- 10:30 น้ำตกพลิ้ว
- 12:45 ร้านหอยทอดนายเล็ก
- 13:30 แวะจุดแวะซื้อของฝาก ต้นตำรับ
- 14:00 ขนมเปี๊ยะรัชนี ตลาด อ.มะขาม
- 15:00 สวนผลไม้ KP Garden
- 16:00 เดินทางกลับ กทม.
- 20:00 ถึงกทม.
โปรแกรมที่ว่านี้ ถือว่าไม่หลวม ไม่แน่นเกินไป สามารถเอาไปปรับให้เข้ากับรูปแบบการเที่ยวของแต่ละคนได้โดยไม่ยากเลยจ้า เอาล่ะ ไปดูกันดีกว่าว่าที่เที่ยวทั้งหมดมีอะไรน่าเที่ยวบ้างตามโลด….
บ้านสวนลุงฉลวย – ราชาทุเรียนโลก – เกษตรกรตามแนวทางพระราชดำริ
หลังจากออกจากกทม. แวะกินข้าวที่มอเตอร์เวย์ ขับรถมาทางอ.บ้านบึงครับ จากนั้นตัดไปทาง อ.แกลง ก่อนเข้าตัวเมืองจะเห็นป้ายทางไป ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ก็เลี้ยวมาทางนั้นได้เลย แล้วจะมีป้ายบอกทางไปบ้านสวนลุงฉลวย
ลุงฉลวยนั้นแต่เดิมทีเป็นชาวนา แต่ว่าพื้นที่ของแกไม่เหมาะกับการทำนาเท่าไหร่ ในช่วงหนึ่งจึงเปลี่ยนมาปลูกยางพารา และเป็นสวนทุเรียนในที่สุด แต่ด้วยการที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยวมานานทำให้ดินเริ่มเสื่อมสภาพและผลผลิตก็เริ่มตกต่ำในที่สุด
จนปี 2544 ลุงฉลวยได้มีโอกาสเข้าฟังสัมนาจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงทำให้ลุงฉลวยหันมาทำสวนที่พึ่งพาการทำเกษตรอินทรีย์แทน รวมถึงหันมาปลูกพืชสวนผสม เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงเรื่องราคาพืชผลตกต่ำ ทำให้แกสามารถลดต้นทุนการผลิตได้มาก ซึ่งนอกจากการลดต้นทุนการผลิตแล้ว ยังส่งผลให้ผลไม้มีรสชาติที่ดีขึ้นจนทำให้ทุเรียนของสวนแกได้รับรางวัลชนะเลิศทุเรียนโลก 3 ปีซ้อนในช่วงปี 2552-2554 และมีโอกาสได้เข้าเฝ้าถวายทุเรียนให้สมเด็จพระเทพฯ อีกด้วย
ที่สวนลุงฉลวยพื้นที่ค่อนข้างเล็ก (ประมาณ 15 ไร่) จึงไม่ค่อยได้จัดบุฟเฟ่ต์ผลไม้เท่าไหร่ จะมีบางปีที่อาจจะมีร่วมโครงการกับ ททท. บ้างแต่ก็จะจัดไม่นานเท่าไหร่ แต่หากอยากจะทานอะไรยังไง ที่นี่เค้าจะจัดเป็นถาดๆเอาไว้ และสามารถซื้อกลับบ้านได้ด้วยจ้า
แต่จริงๆแล้วที่บ้านสวนลุงฉลวยนั้นไม่ได้เน้นการขายผลไม้เท่าไหร่ แต่จะเป็นการเน้นเปิดเป็นการท่องเที่ยวเชิงเกษตรเสียมากกว่า คือเน้นการให้เดินชมสวน และให้ความรู้เกี่ยวกับสวน และวิธีในการปลูกพืชต่างๆ ซึ่งหากว่างลุงฉลวยจะเป็นผู้นำเดินชมสวนด้วยตนเองเลยครับ เจอต้นไหนสดๆก็เกี่ยวเองสอยเองจากต้นมาให้เราชิมเลยนะ อ้อที่นี่มี โฮมสเตย์ด้วยนะ ลองโทรมาสอบถามได้ และก็มีกิจกรรมให้ขับรถ ATV เที่ยวชมสวนด้วยละ
“ถึงแม้วันนี้ลุงจะไม่ได้ร่ำรวย แต่ลุงก็มีความสุข ไม่ต้องดิ้นรน..ไม่เดือดร้อน มีกิน มีใช้ ลูกๆมีอาชีพ ที่เลี้ยงตัวเองได้ ไม่ขัดสน แค่นี้ก็มีความสุขเพียงพอแล้ว สำหรับชีวิตนี้”
คำกล่าวสั้นๆของลุงฉลวยแกพูดกับเรา ทำให้เราเห็นว่า “ความพอเพียง” ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริไว้ แม้คำๆนี้อาจจะมีหลายคนตีความไปหลายอย่าง แต่สิ่งที่ลุงฉลวยได้ทำและตีความไว้ มันคือความพอเพียงในแบบฉบับลุงฉลวยที่หลายๆคนต้องอิจฉาแกแน่ๆ
พิกัด บ้านสวนลุงฉลวย : N12°41.13828 E101°55.97118
ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต – เส้นทางสายโรแมนติค (The Dream Destination of Love)
หลังจากอิ่มผลไม้จากสวนลุงฉลวยแล้วเราขับรถอีกแต่ 15 กม. ก็ไปถึงถนนเฉลิมบูรพาชลทิตเป็นถนนเลียบทะเลที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และถือเป็นถนนที่สวยที่สุดสายหนึ่งของประเทศไทยด้วย โดนถนนสายนี้กินพื้นที่ตั้งแต่สัตหีบยาวไปจนถึงจังหวัดตราด แต่ส่วนที่เป็นไฮไลท์สำคัญของถนนสายนี้ก็อยู่ในจังหวัดจันทบุรีนี่แหละ ที่ จุดชมวิวนางพญา เป็นเนินเขาเล็กๆ ที่อยู่ริมทะเลสามารถขึ้นไปชมวิวบริเวณอ่าวคุ้งวิมานได้
นอกจากนั้นถนนที่นี่ยังมีการทำเลนจักรยานให้ขาปั่นมาปั่นได้ด้วยนะ แถมไม่ใช่เลนจักรยานไก่กา ขี่ๆไปแล้วเส้นทางหายด้วยนะ เพราะที่จันทบุรีเค้าทำเลนจักรยานแบบจัดเต็มทั่วจังหวัดเลย แต่เส้นทางยอดฮิตคือการปั่นจาก เนินนางพญาเลียบชายหาดไปสุดที่สะพานแหลมสิงห์ระยะทาง 36 กิโลเมตร
และปีที่ผ่านมา ททท. ก็มีจัดกิจกรรม ท้าเที่ยวข้ามภาค ให้คนมาปั่นจักรยานที่นี่กันด้วยนะ ไปดูรายละเอียดที่เว็บไซต์ได้เลย http://www.ท้าเที่ยวข้ามภาค.com/singlepage/mission/21
นอกจากนี้ที่จุดชมวิวนางพญานอกจากจะเป็นจุดชมวิวสวยๆแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดที่คู่รักนำกุญแจมาคล้องเพื่อขอให้รักนั้นนิรันดร์อีกด้วย อย่าลืมเตรียมกุญแจมาจากบ้านละ หรือไม่ที่ด้านล่างเค้าก็มีร้านขายกุญแจอยู่จ้า
พิกัด จุดชมวิวเนินนางพญา อ่าวคุ้งวิมาน คล้องกุญแจคู่รัก : N12°35.47842 E101°52.89618
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ขับรถออกจากถนนเฉลิมบูรพาชลทิตอ้อมอ่าวคุ้งกระเบนไปไม่ไกล ก็จะถึงศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งที่นี่แหละครับเป็นที่ที่เปลี่ยนชีวิตลุงฉลวยจากการมาฟังสัมมนา และกลับไปปรับปรุงสวนโดยยึดหลักความพอเพียง ที่ศูนย์ฯ จะมีที่เที่ยวหลักๆ 3 โซน
- หน่วยสาธิตการเลี้ยงสัตว์น้ำภายในอ่าวคุ้งกระเบน
- สะพานทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน
- สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา
วันนี้เราจะไปเดินเล่นที่ หน่วยสาธิตการเลี้ยงสัตว์น้ำภายในอ่าวคุ้งกระเบนกัน ซึ่งที่นี่ถ้ามาแนะนำให้มาช่วง เสาร์ อาทิตย์นะ เพราะจะมีแม่ค้า เอาเหยื่อปลามาขายให้เอาไปให้ฉลามกินด้วย และช่วงเสาร์อาทิตย์จะมีคนอยู่ที่นี่คอยอธิบายเรื่องต่างๆด้วยละ
ที่นี่หากเราได้มีการติดต่อไปยังศูนย์ฯก่อน ทางศูนย์จะสามารถจัดเตรียมวิทยากรให้เราได้ด้วยนะ รวมไปถึงถ้าเราอยากทำกิจกรรมต่างๆที่นี่ ทางศูนย์ก็จะจัดเตรียมไว้ให้… เช่นการปล่อยปู การทำอีแปะ เป็นต้น โดยเราสามารถติดต่อที่ศูนย์ได้ทั้งการโทรศัพท์ และอีเมล์ครับ ซึ่งศูนย์ที่นี่เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุด ยกเว้นแค่ช่วงสงกรานต์เท่านั้น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บนี้เลยจ้า http://www.fisheries.go.th/cf-kung_krabaen/index_1.html
คำถามคือ อีแปะ คืออะไร ???
ที่อ่าวคุ้งกระเบนนั้นเป็นที่ที่มีลูกหอยนางรมอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ปกติแล้วลูกหอยจะต้องลอยไปตามทะเล เพื่อไปเกาะตามโขดหินต่างเพื่อเจริญเติบโตต่อไป ดังนั้นที่ศูนย์ฯ จึงมีการทำอีแปะขึ้นโดยการเอาปูนซีเมนต์มาหยอดลงบนเชือก แล้วเอาไปจุ่มลงไปในทะเลเพื่อให้ลูกหอยนางรมมาเกาะ จากนั้นจึงนำลูกหอยเหล่านั้นไปเลี้ยงต่อนั่นเองจ้า
ธนาคารปู… เพื่อการอนุรักษ์อย่างยั่งยืน
“ถ้าอยากกินปูม้า ต้องทางภาคตะวันออก แต่ถ้าอยากกินปูดำ ต้องไปทางใต้”
คำกล่าวนี้ผมเคยได้ยินมานานแล้ว.. และเป็นความเชื่ออยู่ในหัวมาตลอด ก็เข้าใจแค่ว่าแถวโซนนี้เป็นถิ่นปูม้า.. เลยทำให้ปูม้าแถวนี้มีเยอะและถูก ซึ่งมันก็ถูกครึ่งนึง เพราะที่นี่มีโครงการธนาคารปูของศูนย์ฯ ทำให้ที่อ่าวคุ้งกระเบนกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปูม้าไปด้วย ว่ากันว่าปกติแล้วปูม้าจะออกไข่ได้ครั้งละกว่า 3-7 แสนฟอง แต่ลูกปูที่เกิดมาจะสามารถโตและรอดชีวิตได้เพียงประมาณ 1% เท่านั้น ทำให้ที่ศูนย์ริเริ่มโครงการธนาคารปูขึ้นมา โดยรับฝากปูที่ชาวบ้านทำประมงได้ แต่เป็นปูที่มีไข่อยู่โดยนำมาผลัดไข่ที่ธนาคารปูก่อนแล้วจึงนำปูนั้นไปขายต่อ โดยหลังจากปูตัวแม่ผลัดไข่แล้วทางธนาคารปูจะมีการอนุบาลลูกปูต่อ ซึ่งว่ากันว่าถ้าลูกปูโตจนตัวกว้างประมาณ 1 ซม. โอกาสรอดไปจนโตเต็มวัยจะสูงขึ้นเป็น 50% เลยครับ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่บริเวณนี้มีปูม้าสดๆจำนวนมากในราคาที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับทางภาคใต้
ดังนั้นถ้ามาเที่ยวที่จันทบุรีอย่าลืมกินปูม้ากันนะจ๊ะ
พิกัด ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ : N12°33.42036 E101°55.08102
ร้านเรือนริมน้ำ
หลังจากเดินเล่นที่กระชังปลาเป็นที่เรียบร้อยก็เที่ยงกว่าๆพอดี เลยขับรถเลียบหาด และไปแวะทานข้าวกลางวันที่ ร้านเรือนริมน้ำ กัน เมนูเด็ดห้ามพลาดคือ ปูนิ่มผัดมะนาว ปูเอาไปทอดกรอบๆผัดเหมือนผัดหัวหอมแต่มีการผัดมะนาวลงไป รสชาติออกเปรี้ยวๆหวานๆกำลังดีเลย เมนูอื่นๆก็มาตรฐานอร่อยสด
พิกัด ร้านเรือนริมน้ำ : N12°33.04188 E101°57.36822
วังสวนบ้านแก้ว
หลังจากอิ่มแล้วผมขับรถจะเข้าไปที่ตัวเมืองครับแต่ก่อนเข้าไปผมแวะไปที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏรําไพพรรณี เพื่อไปเที่ยวที่วังสวนบ้านแก้วก่อนครับ.. วังสวนบ้านแก้วเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีพระบรมราชินี ผู้เป็นอัครมเหสีเพียงพระองค์เดียวของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7
ตำหนักเทา ที่ประทับของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี
ในสมัยรัชกาลที่ 7 นั้นประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองครั้งใหญ่ และมีเหตุการณ์ความวุ่นวายในบ้านเมือง มีการจับตัวประกันในเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้น ช่วงที่รัชกาลที่ 7 เสด็จไปรักษาพระเนตรที่ประเทศอังกฤษ จึงได้มีการประกาศสละราชสมบัติและได้ลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ประเทศไทยก็ยังคงเกิดความวุ่นวายตามมาอย่างต่อเนื่อง และรัชกาลที่ 7 ทรงพระประชวรและเสด็จสวรรคตที่ประเทศอังกฤษ ขณะนั้นมีเพียงสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีที่ประกอบพิธีแต่เพียงลำพังรวมถึงท่านทรงต้องอยู่เพียงลำพังเพียงพระองค์เดียวในประเทศอังกฤษนานถึง 13 ปี จนเมื่อการเมืองในประเทศไทยนิ่งจึงมีคำเชิญให้สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีเสด็จกลับประเทศไทยพร้อมพระอัฐิ จึงได้มีการประกอบพระราชพิธีดังเช่นกษัตรย์องค์อื่นๆของประเทศไทย
แต่เมื่อกลับมาถึงไทยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีกลับไม่มีที่ประทับ เพราะวังศุโขทัยที่ท่านเคยประทับกลับกลายเป็นกระทรวงสาธารณสุขไปแล้ว ท่านจึงได้มาซื้อที่ดินบริเวณคลองบ้านแก้วจำนวน 687 ไร่และสร้างที่ประทับขึ้นที่นี่แทน ในตำหนักเทานั้นสามารถถ่ายรูปได้ทุกห้องยกเว้นห้องพระบรรทม
พระตำหนักแดง – พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมท้องถิ่น
ด้านหลังของพระตำหนักเทาจะมีพระตำหนักแดงตั้งอยู่ ในสมัยก่อนเป็นที่พักของราชเลขาส่วนพระองค์ ปัจจุบันได้มีการปรับให้เป็นพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมท้องถิ่นไปแล้ว
พิกัด วังสวนบ้านแก้ว : N12°39.83508 E102°5.85432
The Historic Inn บ้านพักประวัติศาสตร์ หลวงราชไมตรี .. ที่ที่สายน้ำจะไหลย้อนกลับ
หลังจากเดินเล่นที่ วังสวนบ้านแก้ว เสร็จก็ประมาณเกือบๆ 4 โมงเราก็ขับรถเข้าไปที่เมืองจันทบุรี ซึ่งการมาจันทบุรีครั้งนี้ผมเลือกที่จะมาพักที่ บ้านพักประวัติศาสตร์ หลวงราชไมตรี ที่นี่เป็นที่พักน่ารักๆสไตล์บูทีคโฮเทลแห่งหนึ่งที่น่าสนใจมาก ตอนไปถึงจะมี Welcome Drink เป็นน้ำมะปี๊ด หรือน้ำส้มจี๊ด ทานแล้วสดชื่นเลยทีเดียว
ทั้งนี้สามารถชมรีวิว บ้านพักประวัติศาสตร์ หลวงราชไมตรี .. ที่ที่สายน้ำจะไหลย้อนกลับ ได้ที่นี่เลยจ้า
หรือหากอยากจะหาห้องพักที่อื่นของจันทบุรีสามารถหาจากลิงค์นี้ได้เลยจ้า… ค้นหาที่พักจันทบุรีจาก Traveloka
เดินเล่นชุมชนริมน้ำจันทบูร
อีกสาเหตุหนึ่งที่ที่พักนี้น่าสนใจเพราะที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนริมน้ำจันทบูร ซึ่งเป็นชุมชนเก่าที่ยังคงความเป็นอัตรลักษณ์ของชุมชนได้เจ๋งมากๆ
ที่น่าสนใจคือ บ้านหมายเลข 69 ซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้ชุมชนริมน้ำจันทบูร บ้านหลังนี้เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ เป็นบ้านของขุนอนุสรสมบัติ อายุกว่า 100 ปีแล้ว ปกติแล้วจะเปิดเฉพาะเสาร์อาทิตย์ 10 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น ที่นี่จะมีอาสาสมัครไปประจำอยู่เพื่อคอยเล่าประวัติความเป็นมาของชุมชนแห่งนี้ ดังนั้นหากเราไปนอกช่วงเวลาเราสามารถโทรติดต่ออาจารย์ประภาพรรณ ฉัตรมาลัย 081 945 5761
เพื่อประสานงานคนมาเปิดให้ได้จ้า
จากการที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับอ.ประภาพรรณทำให้ผมรู้สึกว่า จุดเด่นของชุมชนริมน้ำจันทบูรอย่างหนึ่งคือ การเป็นชุมชนเก่าที่ยังคงวิถีการดำเนินชีวิตอยู่จริงๆ ไม่ได้เป็นเพียงตึกรามบ้านช่องเก่าเหมือนอย่างหลายๆแห่ง อ.ประภาพรรณเล่าว่าที่ชุมชนแห่งนี้เราจะไม่ได้ทำมาค้าขายแข่งกัน เพราะโดยมากแล้วของที่ขายแต่ละอย่างจะมีทำอยู่เพียงร้านเดียว เรียกว่าใครเด่นอะไรก็ขายอย่างนั้น เพราะมันคือตัวตนของเรา
ผมถามอ.ประภาพรรณถึงเรื่องที่มีนายทุนมาลงทุนเปิดร้านใหม่ๆว่า กลัวที่นี่จะกลายเป็นแบบแหล่งท่องเที่ยวแบบอัมพวาหรือที่อื่นๆมั๊ย ที่ดูเหมือนสูญเสียความเป็นตัวตนของชุมชนไป อ.ประภาพรรณบอกว่าแม้ปัจจุบันจะมีนายทุนมาลงทุนเปิดร้านอะไรใหม่ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ แต่เราสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน เนื่องจากคนในชุมชนนั้นอาศัยอยู่และดำเนินชีวิตไปอย่างความเป็นจริงดังเช่นที่ผ่านๆมานั่นเอง
หลังจากร่ำลาอาจารย์ประภาพรรณผมก็เดินไปที่ร้านขนมไข่ป้าไต๊ คุณป้าไต๊แม้ปัจจุบันจะอายุอานามไป 80 กว่าปีแล้ว แต่แกยังคงนั่งทำร่วมกับทายาทของแกอยู่เลย ขนมไข่ป้าแกหอมกรอบมากๆนะ แนะนำว่ามาแล้วต้องมาชิมไม่ผิดหวังแน่นอน
สำหรับสายวัยรุ่นชิวๆชิคๆ ก็มีร้านนั่งเล่นน่าสนใจอยู่หลายร้านเลย ร้านหวานคำนึง เป็นร้านยุคใหม่
ออกแนวทำขึ้นมาเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน มีมุมถ่ายรูปเยอะแยะตามสมัยนิยมเลยจ้า
ตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นเหมือนกันครับว่าร้านที่มีอยู่ในอดีตยาวนานกว่า 60 ปี อย่างขนมไข่ป้าไต๊.. ก็สามารถอยู่ร่วมในชุมชนกับร้านยุคใหม่ได้อย่างกลมกลืน เพราะส่วนตัวแล้วเรากลับรู้สึกว่า มันต้องมีร้านทั้งสองประเภทนี้อยู่ด้วยกัน มันถึงจะเป็นเสน่ห์ให้มาเยี่ยมชม.. เพราะถ้ามีแต่ร้านโบราณๆ นักท่องเที่ยวมาเดินก็ไม่มีที่นั่งพัก แต่ถ้ามีแต่ร้านยุคใหม่ มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เรานั่งเล่นอยู่กรุงเทพฯ จริงมั๊ยละ
โบสถ์คาทอลิค ความหลากหลายทางวัฒนธรรมของวิถีชุมชน
ชุมชนริมน้ำจันทบูรเป็นชุมชนเก่าแก่ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ราวๆ 300 ปีที่แล้ว ซึ่งในสมัยก่อนนั้นที่นี่ถือว่าเป็นทำเลที่ดีการเดินทางสะดวก ถือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญของพื้นที่ทางภาคตะวันออกของประเทศไทยเลย ซึ่งทำให้ที่ชุมชนจันทบูรมีคนหลากหลายเชื้อชาติเข้ามาตั้งรกรากที่นี่ทั้งคนไทย จีน เวียดนาม และฝรั่ง ที่นี่จึงมีโบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล ตั้งอยู่
ว่ากันว่าที่นี่สร้างขึ้นโดยมีต้นแบบจากมหาวิหารนอร์เธอร์ดามที่ปารีสครับ จริงๆแล้วที่ตัวโบสถ์ในสมัยก่อนจะมีโดมด้วยแต่ในช่วงเกิดสงครามโดมดังกล่าวได้ถูกรื้อถอนออกไปครับ ตัวโบสถ์นั้นถูกสร้างและบูรณะมาหลายครั้งแล้วครับ ซึ่งโบสถ์ที่เห็นในหลังปัจจุบันนั้นเป็นการสร้างเป็นครั้งที่ 5 และนับจนถึงปัจจุบันนี้โบสถ์นี้ก็มีอายุอานามมากกว่า 109 ปีเข้าไปแล้วจ้า
ที่บริเวณโบสถ์แห่งนี้หากมาในช่วงวันคริสต์มาสจะมีการจัดงานประจำปีตามแบบฉบับของชาวคริสต์ด้วยนะ เราเคยมาทีนึงละ สวยดีชอบๆ ดูรายละเอียดได้จากรีวิวนี้เลย เที่ยวงานคริสต์มาส “จันทบุรี” ความลงตัวทางวัฒนธรรมที่สวยงาม
จันทรโภชนา ตำนานความอร่อยคู่เมืองจันทบุรี
หลังจากเดินถ่ายรูปที่ชุมชนริมน้ำเสร็จผมก็ไปทานข้าว โดยผมไปทานข้าวที่ร้านจันทรโภชนาครับ…
ซึ่งเป็นร้านที่อยู่คู่กับเมืองจันทบุรีมานานกว่า 53 ปีแล้ว สำหรับสาขาแรก(สาขาเบญจมราชูทิศ) นั้นดูแลโดยคุณแม่ไพจิตต์ และปัจจุบันสาขาที่สอง(สาขามหาราช) นั้นดูแลโดยพี่ต่อคุณอุกฤษฎ์
ส่วนตัวผมมีโอกาสไปทานมาทั้งสองสาขาเลย โดยครั้งที่มาทริปกับนิตยสาร Barefoot ผมไปทานที่สาขามหาราชครับ แต่ครั้งนี้ผมมาทานที่สาขาเบญจมราชูทิศเพราะอยู่ห่างจากบ้านพักฯ แค่ 100 เมตรเท่านั้นเอง ความแตกต่างของสองสาขานี้คือสาขาดั้งเดิมที่คุณแม่ไพจิตต์ดูแลนั้นจะตั้งอยู่ใกล้กับชุมชนริมน้ำจันทบูร ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นชาวเมืองจันทบูรแวะเวียนมาทานกัน แต่ที่นี่จะต้องจอดรถเอาเองริมถนนครับ ส่วนสาขามหาราชนั้นจะมีที่จอดรถกว้างขวางและมีการตกแต่งร้านสวยงามในสไตล์โคโลเนียล
เมนูที่ห้ามพลาดคือพวกเมนูผลไม้ทั้งหลาย โดยเฉพาะทุเรียน อย่างมัสมั่นทุเรียน ส้มตำทุเรียน หรือยำมังคุด ที่นี่สามารถทำรสชาติออกมาได้อร่อยมาก จนทำให้คนไม่ชอบกินผลไม้อย่างเรากินได้ทุกจาน โดยเฉพาะ มัสมั่นทุเรียนที่กินแล้วไม่รู้สึกเลยว่าเป็นทุเรียน
สำหรับเมนูอื่นๆได้รีวิวไว้แล้วที่นี่ จันทรโภชนา ตำนานความอร่อยคู่เมืองจันทบุรี
พิกัด จันทรโภชนา (สาขาเบญจมราชูทิศ) : N12°36.71436 E102°6.77058
พิกัด จันทรโภชนา (สาขามหาราช) : N12°35.85498 E102°6.7344
ตักบาตรยามเช้า – ท่องเที่ยววิถีไทยเก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร
ด้วยความที่บ้านพักแห่งนี้ตั้งอยู่ในชุมชนริมน้ำจันทบูร ช่วงเช้าจึงสามารถตื่นมาเพื่อตักบาตรได้เพราะเป็นชุมชนที่มีประชาชนอาศัยอยู่ จึงมีพระมาเดินบิณฑบาตร ฝั่งตรงข้ามบ้านพักฯ จะมีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ทำอาหารเป็นชุดไว้สำหรับใส่บาตร ซึ่งคนขายเองก็ทำขึ้นมาเพื่อตักบาตรเองด้วยนั่นล่ะ
มื้อเช้าของบ้านพักฯ เราสามารถเลือกอาหารได้ โดยที่ทางบ้านพักจะใช้อาหารจากในชุมชนมาบริการเรานั่นละ ซึ่งหลักๆที่น่าสนใจมี 2 อย่างคือ ข้ามต้มจันทบูร และก๋วยจั๊บป้าไหม
ศาลหลักเมือง – ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
หลังจากเช็คเอ้าท์ที่บ้านหลวงราชไมตรีเรียบร้อย ผมขับรถไปไหว้ศาลหลักเมือง และศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทั้งสองที่นี่จะอยู่ติดกันเลย ซึ่งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชถือว่ามีความผูกพันกับเมืองจันทบุรีไม่น้อย เพราะใช้จันทบุรีเป็นที่รวมพลในการไปกู้เอกราชครั้งที่สองนั่นเอง
พิกัด ศาลหลักเมือง/ศาลพระเจ้าตากสิน : N12°36.9789 E102°6.64476
ศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับ – พิพิธภัณฑ์อัญมณีที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย / ตลาดพลอย
หลังจากไหว้ศาลหลักเมืองและสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเพื่อเป็นศิริมงคลแล้ว เราแวะไปที่ศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับ ครับซึ่งที่นี่ถือเป็นพิพิธภัณฑ์อัญมณีที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียเลย
จากการมาเดินที่นี่ทำให้ทราบว่าจริงๆแล้ว
ที่หลายๆคนมักพูดว่าพลอยเมืองจันทบุรีนั้นหมดไปแล้วนั้นไม่จริงซะทีเดียว แต่พลอยที่ขุดเจอนั้นลดปริมาณลงไป อันนี้เป็นเรื่องจริง เพราะที่จริงแล้วที่จันทบุรีนั้นไม่ได้มีจุดเด่นที่การขุดพลอยครับ แต่ที่เมืองจันทบุรีนั้นเป็นแหล่งค้าพลอยที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
นั่นคือจะมีพ่อค้าพลอยนำเข้าพลอยจากต่างประเทศที่เป็นลักษณะพลอยดิบ มาขายที่นี่และที่เมืองจันทบุรีนั้นจะเน้นการเพิ่มมูลค่าให้กับพลอย เช่นการเผา การเจียระไน และประดับลงเรือนเช่นสร้อยคอ หรือแหวนเสียมากกว่า สำหรับที่ ศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับ ด้านนอกจะเป็นโซนร้านค้าให้สามารถช้อปปิ้งเพชรพลอยสวยๆได้ด้วยนะ ซึ่งการซื้อจากที่นี่จะดีอย่างหนึ่งคือพลอยที่ขายในนี้จะต้องได้รับตรา PloyChan ตราที่ยืนยันว่าเป็นอัญมณีแท้เท่านั้น ดังนั้นจึงหมดห่วงเรื่องของปลอมไปได้เลย
พิกัดศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับ : N12°35.84166 E102°6.28134
ส่วนตลาดพลอยที่ว่านี้ก็อยู่ริมสุดของชุนจันทบูรนั่นละ โดยปกติแล้วตลาดจะคึกคัก ในวันศุกร์เสาร์อาทิตย์ ที่จะมีพ่อค้าพลอยจากต่างชาติ โดยเฉพาะะวกแขกขาวมาซื้อขายแลกเปลี่ยนอัญมณที่นี่ ถ้ามีเวลาว่างเราว่าก็เป็นอีกที่ที่น่าไปเดินเล่นนะ
อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว – แหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ…. อนุสรณ์แห่งความรัก พระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์
ไม่ไกลจากตัวเมือง จันทบุรี มีอุทยานแห่งชาติที่น่าสนใจคือ อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว ที่นี่ไม่สามารถนำรถเข้าไปภายในอุทยานได้นะครับต้องจอดรถตามที่จอดรถด้านนอก แต่ผมแนะนำให้ขับไปจนเห็นทางเข้าอุทยานค่อยหาที่จอดครับ เพราะที่จอดที่แรกจะอยู่ไกลมากครับ ค่าจอดที่นี่ 30 บาท สำหรับค่าเข้าอุทยานฯนั้นก็คนละ 40 บาทจ้า
ที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วนั้นเป็นป่าที่ร่มรื่น มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเดินชิวๆ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างทางเป็นธรรมชาติเขียวร่มรื่นมากๆ บริเวณก่อนถึงน้ำตกนั้นจะมีอลงกรณ์เจดีย์และปิรามิด อนุสรณ์แห่งความรักพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ตั้งอยู่ ที่นี่ในสมัยก่อนนั้นสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จมาพร้อมกับพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ซึ่งทั้งสองพระองค์ทรงโปรดปรานที่นี่มาก เพราะเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามอย่างยิ่ง สวยกว่าที่เคยเสด็จไปที่อื่นมาทั้งในและต่างประเทศ จึงได้มีการสร้างอลงกรณ์เจดีย์ ไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการเสด็จประพาสที่นี่
โดยในครั้งนั้นพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ได้กล่าวว่าทรงอยากกลับมาที่นี่อีกครั้ง แต่ยังไม่มีโอกาสในการกลับมาที่นี่ก็เสด็จฑิวงคตจากอุบัติเหตุเรือพระประเทียบล่มในแม่น้ำเจ้าพระยาเสียก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงโปรดให้สร้างปิรามิดขึ้นขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2424 เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักและอาลัยของพระองค์ที่ทรงมีต่อพระนางเจ้าสุนันทากุมารี โดยที่ภายในบรรจุพระอังคารส่วนหนึ่งไว้ด้วย
สาเหตุที่ทำเป็นรูปทรงปีระมิดเพราะทรงเห็นว่าปิรามิดในอียิปต์สามารถอยู่ยืนยาวจวบจนปัจจุบันฉันใด ปิรามิดที่ทรงให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอุนสรณ์แห่งนี้ก็จะคงอยู่ตลอดไปเฉกเช่นปิรามิดอื่นๆฉันนั้น
เลยต่อไปที่น้ำตกพลิ้ว ที่นี่เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีน้ำไหลลงมาตลอดทั้งปี
จึงทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่เสมือนที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวจันทบุรี ไปวันหยุดคนนี่เพียบเลย นอกจากน้ำตกแล้วเหล่าปลาพลวงหินที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็เป็นจุดเด่นอีกอย่างที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาที่นี่นะ
สำหรับปลาพลวงหินจะชอบกินถั่วฝักยาวซึ่งสามารถซื้อได้จากร้านค้าทั่วไปในบริเวณอุทยาน หรือใครจะยื่นเท้าลงปลาพลวงมาตอดเท้าเป็นสปาปลาก็เก๋ไม่หนอกนะเออ…
พิกัด น้ำตกพลิ้ว : N12°31.65816 E102°10.72038
หอยทอดนายเล็ก.. หอยทอด..จานไม่เล็ก
เดินเล่นในน้ำตกจนเหนื่อยแล้วผมก็พาคุณนายไปกินข้าวกลางวันกัน โดยเป้าหมายอยู่ที่ “ร้านหอยทอดนายเล็ก” ซึ่งตั้งบนถนนสุขุมวิทฝั่งเข้าเมืองจันทบุรี โดยออกจากอุทยานแล้วพอเลี้ยวขวาเข้าถนนสุขุมวิทขับมาประมาณ 500 เมตรก็จะเจอแล้ว ร้านนี้ของเด็ดอยู่ที่หอยทอดจานยักษ์ โดยขนาดเล็กสุดสำหรับกินประมาณ 3 คนอยู่ที่ราคา 300 บาท และจานยักษ์กินประมาณ 15 คนราคาจะราวๆ 1,200 บาทครับ เราไปกันสองคน กลั้นใจสั่งจาน 300 บาทมาแบ่งกับคุณภรรยา…. กะว่าไม่หมดก็ใส่กล่อง… ปรากฎว่าหมดจ้า…
แต่จริงๆแล้วที่นี่ถ้าไม่ได้อยากทานกุ้งแม่น้ำแนะนำว่าสั่งแบบธรรมดาคุ้มกว่านะ โดยสามารถเลือก Topping ได้ 1 Topping 60 บาท 2 Topping 90 บาท
สำหรับใครที่อยากกินจริงจัง เราแนะนำให้ขับรถต่อไปอีกหน่อยไปทาง อ.ขลุง จะมีร้าน ฟาร์มปูนิ่มร้านอาหารดังอีกร้านหนึ่งให้ได้ชิมกัน ที่นี่แน่นอนว่าของอร่อยก็จะเป็นบรรดาปูนิ่มทั้งหลายนี่ล่ะ
พิกัด ร้านหอยทอดนายเล็ก : N12°31.27806 E102°9.7881
พิกัด ร้านฟาร์มปูนิ่ม : N12°26.3562 102.218760
แวะซื้อของฝากที่ร้านต้นตำรับ
ขากลับขับรถกลับไปตามถนนสุขุมวิท ตรงทางแยกกลับกรุงเทพฯ หรือแยกกลับทางสระแก้ว ปราจีนบุรี รวมถึงขึ้นไปทางอีสาน จะมีร้านขายของฝาก”ร้านต้นตำรับ” อยู่ ก็แวะซื้อกันตามอัธยาศรัยได้เลยจ้า สำหรับเราแวะต้นตำรับก็จริงแต่แอบเดินไปซื้อของที่เพิงที่อยู่ใกล้ๆแทน 5555
ขนมเปี๊ยะรัชนี – อร่อยต้องรอ
หลังจากช้อปของฝากกลับบ้านกันแล้วแต่เรายังไม่ได้กลับนะ ที่มาช้อปก่อนเพราะเดี๋ยวตอนขับรถไปอีกสองที่มันจะไม่ได้มาผ่านเส้นนี้แล้ว จากร้านต้นตำรับผมขับรถไปทางอ.มะขามครับเพื่อไปเยี่ยมชมบ้านของคุณป้ารัชนี ที่มีข่าวออกไปว่าการจะสั่งขนมเปี๊ยะที่แกทำนั้นมีคิวล่วงหน้านานถึง 2 ปีเลย อ่านเพิ่มเติม ขนมเปี๊ยะรัชนี – อร่อยต้องรอ
วันที่ผมไปโชคดีมากที่วันนั้นแกปั้นขนมเปี๊ยะได้เกินกว่าโควต้าในแต่ละวัน เลยมีเหลือให้ผมได้ลองชิมดู ซึ่งหลังจากได้ชิมแล้ว เฮร้ยยยยแก…. อร่อยอ่ะ ด้วยไส้ที่ทำออกมาเค็มนิดส์ๆ ไม่หวานเลี่ยนเหมือนที่อื่นเข้ากันดีกับไข่ที่ใส่ลงไป..
KP Garden.. เทศกาลสวนผลไม้บุฟเฟต์
หลังจากมีโอกาสได้ชิมขนมเปี๊ยะรัชนีอย่างไม่คาดฝันแล้วเราเดินทางต่อไปยังสวน “KP Garden“ เพื่อไปกินบุฟเฟ่ต์ผลไม้กัน
สวน KP Gargen จะจัดบุฟเฟต์เป็นรอบๆ เฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ วันละ 4 รอบคือ 9:00 11:00 13:00 และ 15:00 จะเปิดรับเพียงรอบละ 50 คนเท่านั้น และจะต้องโทรมาจองล่วงหน้าครับ เพราะถ้าไม่จองมาแล้วรอบนั้นเต็ม เค้าจะไม่รับนะ… เพราะไม่สามารถเตรียมผลไม้ไว้ให้พอนั่นเองจ้า
อีกอย่างการโทรมาจองก่อนจะสามารถบอกทางสวนได้ด้วยครับว่าชอบผลไม้แบบไหนยังไง เช่นทุเรียน ชอบห่าม ชอบสุกๆ หรือชอบแบบไหนก็บอกเค้าล่วงหน้าได้เลย เค้าจะได้เตรียมผลไม้แบบที่เราชอบไว้ซึ่งผมโทรมาจองรอบ 15:00 ไว้ พอไปถึงก่อนอื่นเค้าจะพาเดินชมสวนก่อนครับ..เพื่อให้ดูสวนที่เค้าปลูก รวมถึงพูดให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกผลไม้ชนิดต่างๆด้วย แล้วก็ให้เราลองเก็บผลไม้เองด้วยนะ ส่วนทุเรียนนี่เจอลูกที่สุกตามแบบที่เราอยากกิน เค้าก็ตัดมาให้เราสดๆเลยครับ (แต่จริงๆเค้าจะเตรียมไว้อยู่ส่วนหนึ่งแล้ว) จากนั้นพอเดินรอบสวนเสร็จเค้าจะให้เราลองผ่าทุเรียนเองได้ด้วย
บรรยากาศที่รั่งทาน เป็นใต้ถุนตึก ลมเย็นสบายเชียวล่ะ อยากกินอะไรก็บอกพนักงานไปเค้าจะไปยกมาเสิร์ฟเราถึงโต๊ะเลย
หลังจากอิ่มกับบุฟเฟต์ผลไม้แล้ว เราก็บึ่งรถกลับ กรุงเทพฯ กันแบบฟินๆ เป็นอันปิดทริป 2 วัน 1 คืน จันทบุรี อย่างสวยงามอิ่มพุงสุดๆ
พิกัดสวนผลไม้ KP Garden : N12°43.29162 E102°7.86102
สำหรับเมืองจันทบุรีแล้วหากไม่เคยมาเที่ยวมาก่อน.. ส่วนตัวแล้วผมเองก็จะคิดว่าที่นี่มีแค่สวนผลไม้ (ที่ผมเองไม่ชอบ แต่คุณนายผมชอบมาก.. 5555) แต่หลังจากการได้เดินทางมาที่นี่แล้วผมกลับพบว่าเมืองจันทบุรี มีอะไรมากกว่าที่คิดเยอะ ไม่ว่าจะเป็น “วิถีชุมชนริมน้ำจันทบูร” ที่เป็นชุมชนที่มีอัตลักษณ์ในตัวเองมาก คนในชุมชนก็น่ารักอยู่อย่างเรียบง่ายที่ทำให้ผมเห็นถึงคำว่า “พอเพียง” ตามที่ในหลวงทรงมีพระราชดำริไว้
เมืองจันทบุรียังเป็นจังหวัดที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งอาหารการกิน ที่มีร้านอาหารอร่อยๆมากมาย มีสถานที่ “ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ” มากมายหลายแห่งทั้ง น้ำตก ภูเขา และทะเล เรียกว่าเป็นจังหวัดที่ครบเครื่องมีอะไรๆให้เที่ยวมากกว่าที่คิดไว้เยอะเลย ซึ่งถ้ามาถามเราตอนนี้ว่าอยากกลับไปที่จันทบุรีอีกมั๊ย
ตอบได้เต็มปากเลยครับว่าอยากกลับไป…
เพราะนอกจากทริป 2 วัน 1 คืนตามรีวิวนี้ จันทบุรียังมีที่เที่ยวสวยๆอีกหลายที่ ไม่ว่าจะเป็น การไปเขาคิชกุฏ การไปชิวอากาศดีๆที่เขาสอยดาว หรือไปนอนดูดาวกินซีฟู้สดๆที่หมู่บ้านไร้แผ่นดิน ซึ่งแน่นอนเราจะหาโอกาสกลับมาเที่ยวจันทบุรีอีกแน่นอน สำหรับวันนี้เราก็คงต้องขอลาทุกคนไปแต่เพียงเท่านี้