6 ร้านอาหาร นาโกย่า ออริจินัล ที่ต้องลองชิม

สุดยอดร้านอาหารแบบโลคัล ออริจินอล ประจำเมืองนาโกย่าที่ห้ามพลาด

นาโกย่านอกจากจะเป็นเมืองภาคกลางที่สะดวกมากในการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเที่ยวโซนโตเกียว หรือ คันไซแล้ว จุดเด่นอีกอย่างคือเรื่อง “อาหาร” นาโกย่ามีอาหารขึ้นชื่อมากมาย วันนี้ขอเอา 6 ร้านโลคัลๆที่มีต้นกำเนิดจากเมืองนี้มาเสิร์ฟทุกคนจ้า… พูดเลยว่าถ้ามานาโกย่าแล้วไม่ได้ไปชิม คือพลาดอย่างแรง!

ปลายปี 2016 ที่ผ่านมาผมได้รับรางวัลชนะเลิศ จากการร่วมประกวด Blog ในงาน Talk Your Blog กับเว็บ Traveloka เป็นตั๋ว AirasiaX ทริปแบบปุ๊บปั๊บของผมเลยเกิดขึ้นมา แต่ด้วยความที่ว่ายังไม่ชัวร์ว่าจะไปล่าใบไม้แดงที่ไหนดีผมเลยเลือก นาโกย่า เป็นฐานทัพในการเที่ยวของผม เพราะ นาโกย่าเป็นเมืองที่อยู่ภาคกลาง ไม่ว่าจะแว๊บไปคันไซ หรือแว๊บไปโตเกียว หากใช้ชินคันเซ็นก็ใช้เวลาแค่ 1-2 ชม.เท่านั้นเอง และอีกอย่างหนึ่งผมอยากจะไปแก้มือในการไปเที่ยวที่ โอบาระ ด้วย เพราะปีที่แล้วตอนผมไปดอกซากุระมันร่วงไปเยอะแล้ว อยากรู้ว่าโอบาระ คืออะไรกระทู้นี้มีคำตอบจ้า….

ซึ่งการเดินทางด้วยแอร์เอเชียก็ถือว่าสะดวกนะ ผมเลือกไปลงและกลับที่โตเกียว เพราะมีไฟลท์ขาไปตอนดึก ไปถึงแต่เช้า เที่ยวได้เลย และไฟลท์ขากลับรอบเย็นมาถึงไทยดึกๆ เรียกว่าคุ้มค่าคุ้มเวลาเที่ยวกันได้ทั้งวัน

ส่วนเรื่องการสื่อสาร ผมเลือกใช้ Samurai Wifi จาก bsMobile เช่นเดิม เพราะมั่นใจในเรื่องสัญญาณ เนื่องจากใช้บริการมาหลายครั้งละ โดยครั้งนี้ผมเลือกเครื่องที่เป็นรุ่น Softbank ซึ่งราคาจะแพงกว่ารุ่นอื่นเล็กน้อย แต่รุ่นนี้สัญญาณจะครอบคลุมมากที่สุด เพราะอย่างที่บอกครั้งนี้ผมไปแบบไม่มีแพลน เลยไม่แน่ใจว่าวันไหนจะมีแว๊บไปป่าไปเขาที่ไกลๆบ้างหรือเปล่า ซึ่งจากที่ลองใช้รุ่นนี้สัญญาณดีจริงๆครับ ผมขึ้นเขาทาคาโบจิที่นากาโน่ก็สัญญาณดีจัดเต็มมากๆ

ทีนี้ด้วยความที่ผมอยู่นาโกย่ามากว่าครึ่งหนึ่งของทริปนี้ เลยได้มีโอกาสไปชิมของอร่อย ของขึ้นชื่อที่มีต้นกำเนิดมาจากเมืองนาโกย่ามากมาย วันนี้เลยขอเอา 6 ร้านอาหาร นาโกย่า ออริจินัล มาฝากกัน มีอะไรบ้างไปดูไปชิมพร้อมๆกันเลยจ้า….

1. ปีกไก่ทอด (Tebasaki) ร้าน Yama Chan

ร้านยามะจังเป็นร้านปีกไก่ทอด (Tebasaki) ซึ่งเป็นอาหารที่ทานง่ายๆ มีต้นกำเนิดมาจากที่นาโกย่า ปัจจุบันมีสาขามากมายทั่วญี่ปุ่น ในนาโกย่านี่มีร้านเยอะมากๆ แบบว่าเดินไปทางไหนก็เจอ คนญี่ปุ่นจะนิยมมาทานกันเย็นๆ อารมณ์มานั่งทานไปพลางจิบเบียร์ไปพลาง ชีวิตมันช่างฟินอะไรเบอร์นั้น สำหรับเจ้าไก่ทอดนี้ จะมีร้านคู่แข่งคือร้าน Furaibo หลายๆที่เรียกว่าเปิดร้านประจัญหน้ากันไปเลย

สำหรับคนไทยจะคุ้นเคยกับร้าน Yamachan เพราะเป็นร้านที่มีมาเปิดสาขาในไทยด้วยนั่นเอง แน่นอนว่าจะเปิดอยู่ในย่านที่คนญี่ปุ่นเยอะ เช่น ธนิยะ K-Village เป็นต้น ใครอยากชิมที่ไทยสามารถดูข้อมูลได้จาก เว็บไซต์ http://www.yamachanthailand.com

ที่นาโกย่าผมเลือกไปทานที่สาขาที่อยู่ติดๆกับ สถานีรถไฟนาโกย่า เพราะใกล้ โรงแรมเมเท็ตสึ อินน์ นาโกยาเอคิมาเอะ ที่ผมไปพักมากที่สุด เรียกว่าเดินแค่ 4-5 นาทีก็ถึงละ พิกัดร้านอยู่ตรงนี้ครับ 35.173857, 136.879592 อีกสาขาที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกินกันคือ Sakae/Yabacho เพราะเป็นสาขาที่อยู่ใจกลางแหล่งท่องเที่ยวของนาโกย่าเลย ซึ่งสาขานั้นเปิดติดๆกับร้าน Furaibo เลย

แน่นอนว่าของเด็ดที่ต้องสั่งคือ ไก่ทอด (Tebasaki) แบบออริจินอลสนนราคาอยู่ที่ 430 เยน /5 ชิ้น วันที่ไปผมได้สั่งปีกไก่ทอดรสซอสดำมาทานด้วย สนนราคาอยู่ที่ 360 เยน/3 ชิ้น สำหรับใครกลัวว่ากินแต่ไก่แล้วไม่อิ่มก็สั่งข้าวผัดมาทานแบบผมได้เลย

เรื่องรสชาติ แบบออริจินัล จะทอดมาแบบกรอบเกรียว และใส่พริกไทยลงไปเยอะมากๆๆๆ รสชาติจะติดเค็มพอสมควร แต่พูดเลยว่าทานกับเบียร์นี่อย่างฟิน ส่วนสูตรซอสดำ จะมาแบบชุ่มฉ่ำ ตัวปีกดูเหมือนจะใหญ่กว่า แต่จริงๆน่าจะเพราะไม่ได้ทอดจนแห้งเลยทำให้เนื้อยังฟูๆอยู่ จานนี้รสชาติจะเด่นที่ตัวซอสที่ออกเปรี้ยวและหวานเล็กๆ ทานแล้วได้น้ำได้เนื้อมากกว่าแบบออริจินัล แต่ถ้าทานแบบเรื่อยๆแบบออริจินัลจะทานได้ง่ายกว่าครับ ส่วนข้าวผัดรสชาติงั้นๆ สั่งมาทานเพราะให้มีข้าวทานกับไก่เท่านั้นเอง

สรุป เป็นร้านอาหารขึ้นชื่อแบบโลคัลๆ ที่ราคาถูก ใครมีงบไม่มากแต่อยากลองทานอาหารถิ่นนี่แนะนำเลย

เว็บไซต์  http://www.yamachan.co.jp

2. chashu ramen ร้าน Hongo-Tei Ramen King

ถ้าบอกว่าประเทศไทยมีข้าวเป็นอาหารหลักแล้ว ญี่ปุ่นก็คงกินราเมงเป็นอาหารหลักเช่นกัน ราเมงจริงๆแล้วตามที่คนญี่ปุ่นบอก คือ อาหารแนว Junk Food ของญี่ปุ่นนะ คือทำง่าย ทำเร็ว และราคาถูก ผู้ใช้แรงงานจะชอบมากๆ แต่ก็มีหลายๆร้านที่นำวัตถุดิบดีๆเด่นมาใช้ในการปรุงทำให้อาหารธรรมดากลับเด็ดดวงขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ Hongo-Tei Ramen King ก็เป็นหนึ่งในร้านประเภทนี้

ที่ตั้งของร้านอยู่ด้านหลังสถานีรถไฟนาโกย่าที่พิกัด 35.169975, 136.878769 ระยะทางเพียง 2 แยกจากสถานีรถไฟเท่านั้น

ร้านนี้อาหารหลักจะมีเพียงอย่างเดียวคือ ชาชูราเมง แต่จะมีการใช้น้ำซุปที่แตกต่างกันไป 6 ชนิด โดยที่น้ำซุปแบบออริจินัลของที่นี่ คือน้ำซุปกระดูกหมูหรือ ไพตัน ซึ่งที่นี่จะใช้สูตรพิเศษคือแทนที่จะต้มด้วยกระดูกหมูเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะได้น้ำซุปที่มัน ค่อนข้างมาก ที่นี่จึงมีการผสมโครงไก่ลงไป ทำให้ได้น้ำซุปที่หวานมากขึ้น ไขมันลดลง แต่ยังอุดมไปด้วยคอลาเจนเช่นเดิมจ้า…

แน่นอนว่าจุดเด่นก็คือตัวชาชู ที่จะแตกต่างจากร้านอื่นๆ เพราะว่า ปกติแล้วร้านทั่วไปชาชูจะเป็นหมูม้วนแล้วแล่ออกมาบางๆ แต่ของร้านนนี้ชาชู จะเป็นเนื้อหมูชิ้นเบ้งๆ ใหญ่ขนาดไหนดูจากรูปได้เลย โดยจานไซส์ปกติจะมีหมู 3 ชิ้น ไซส์เล็กหมู 1 ชิ้น และไซส์ยักษ์จะมีหมู 7 ชิ้น รวมถึงสามารถเพิ่มเส้นได้ด้วยจ้า… (แต่ปกติไซส์ปกติเส้นก็เยอะมากๆๆ อยู่แล้วนะ)

สรุป  ร้าน Hongo-Tei Ramen King อาจจะไม่ใช้ร้านที่เป็นอาหารท้องถิ่นโดยเฉพาะ แต่ถือเป็นร้านที่สมควรมาจัด เพราะเป็นอาหารทั่วไปราคาไม่แพง แต่ปริมาณและรสชาติที่ได้รับนี่เกินคุ้มจริงๆ

3. Misonikomi Udon ร้าน Yamamotoya

มาต่อกันที่ร้านที่ 3 กับอุด้งหม้อดินในน้ำซุปมิโสะรสชาติเผ็ดร้อน หรือ Misonikomi Udon เป็นอาหารเส้นอีกอย่างหนึ่งที่ขึ้นชื่อของนาโกย่า โดยเอามิโสะมาผสมผสานในการปรุง และเอาไปต้มในหม้อดินทำให้ได้รสชาติน้ำซุปที่เผ็ดร้อน เป็นเมนูที่ทานตอนอากาศเย็นๆแล้วฟินเป็นอย่างที่สุด ร้าน Yamamotoya ตั้งอยู่แถวๆ Yabacho ที่พิกัด 35.166349, 136.902069

มีเมนูภาษาอังกฤษให้ด้วยนะ.. ในมื้อกลางวันที่ผมไปทาน ราคานี้จะเสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวสวยร้อนและผักดองแบบโฮมเมดของร้าน เวลามาเสิร์ฟก็ใส่หม้อมาร้อนๆ ควันขึ้นฉุยๆเลยละ

วันที่ไปผมเลือกทานเมนูที่ 4 ซึ่งเป็นเมนู Recommended เมนูนี้จะเป็นไก่พิเศษ ซึ่งหลังจากชิมแล้ว ผมว่ามันคือไก่บ้านนั่นล่ะ คือเคี้ยวเนื้อไก่แล้วจะหนึบๆอะไรแบบนั้น ซึ่ง Misonikomi Udon แนะนำให้ตักซุปราดข้าวแล้วทานครับรสชาติจะกำลังดี ไม่งั้นถ้าซดน้ำซุปเพียวๆผมว่ารสจะจัดไปเล็กน้อยครับ

สรุป จุดเด่นอยู่ที่รสชาติของน้ำซุปที่เข้มข้นมากๆ แต่ส่วนตัวผมเป็นคนไม่ชอบทานอุดง ทำให้ความเห็นส่วนตัวผมว่าร้านนี้ถ้ามีเวลาไม่พอก็ข้ามๆไปได้ครับ

4. Extra large Ebi katsu set ร้าน Ebidote

ร้านนี้เป็นเมนูที่จริงๆแล้วหากินได้ทั่วญี่ปุ่น นั่นคือ Ebi katsu set หรือข้าวกับกุ้งทอด แต่แน่นอนการที่จะมาอยู่ในรีวิวนี้ได้มันต้องมีความพิเศษ ความพิเศษที่ว่าคือ กุ้งที่เอามาใช้ทำนั้นจะเป็นกุ้งไซส์พิเศษ ยาววววววววว ถึง 35 ซม. หรือฟุตกว่าๆเลย ซึ่งเมนูที่ว่านี้สามารถหากินได้จากร้าน Ebidote ซึ่งร้านตั้งอยู่ในห้างใต้ดิน ESCA ที่อยู่ด้านหลังสถานีรถไฟนาโกย่า เรียกว่านั่งรถไฟมาถึงนาโกย่าปุ๊บก็แวะกินได้เลย พิกัด 35.169696, 136.880489 (ร้านหมายเลข 23 ในห้าง ESCA) ภายในร้านกิ๊บเก๋ มีกุ้งทอดยักษ์แขวนอยู่บนเพดาน

เซตที่เสิร์ฟที่ซองตะเกียบเมื่อฉีกครึ่งแล้วแบะออกจะกางเป็นไม้บรรทัดขนาด 35 ซม. ให้เอาไปวัดขนาดของกุ้งได้เลย ว่ากุ้งตัวนี้ยาวได้มาตรฐานที่ 35 ซม. จริงๆนะ ตอนแรกที่เข้ามากินคุยกับเพื่อนว่า กุ้งยาวขนาดนี้มันเป็นกุ้งบดๆ แล้วแล้วเอามาปั้นทอดหรือเปล่า ก็ลองถามพนักงาน ปรากฏว่า ไม่ใช่

กุ้งทอด 35 ซม. คือกุ้งตัวใหญ่เพียงตัวเดียวเท่านั้น คิดดูนะครับ กุ้งที่ยาว 35 ซม. มันจะต้องตัวขนาดไหน คอนเฟิร์มว่าตัวใหญ่จริงจังมากๆ และนอกจากขนาดแล้วความอร่อยก็ไม่ใช่ย่อยเลย โดยที่นี่จะมีน้ำจิ้มสูตรพิเศษ คล้ายๆ มายองเนสผสมทาทาร์ และมีไข่ต้มฝานเอาไว้ ที่ร้านบอกให้เราบี้ๆไข่ลงไปแล้วก็เอามาจิ้มทานกับกุ้ง เฮร้ยยยย อร่อยอ่ะแกร๊….

สนนราคาอยู่ที่ 2,764 ราคาถือว่าค่อนข้างแรงละ แต่ถ้าคิดว่าได้กุ้งไซส์บิ๊กเบิ้มมากินถือว่าคุ้มอยู่นะ

สรุป รสชาติอร่อย ไม่เลี่ยนแม้จะเป็นของทอด อาจจะเพราะทาซอสลงไป กุ้งตัวใหญ่ ตัวเดียวกินกับข้าว อิ่มแบบไม่น่าเชื่อ เดินทางสะดวกสุดๆ

เว็บไซต์  http://www.ebidote-shokudo.jp

5. Misokatsu – ร้าน Yabaton

ร้านที่ 5 เป็นเมนูท้องถิ่นที่หาทานได้เฉพาะโซนนาโกย่าเท่านั้นนั่นคือ Misokatsu เป็นเซตข้าวหมูทอดคล้ายๆ Tonkatsu หรือถ้านึกไม่ออกก็เหมือนร้าน Saboten ในบ้านเรานั่นล่ะ แต่ความเด็ดดวงของ Misokatsu คือจะมีการราดซอสมิโสะลงไปบนหมูทอดด้วยนั่นเอง ซึ่งร้านที่สะดวกและมีสาขาเยอะก็คือร้าน Yabaton สาขาที่ผมไปทานคือสาขาห้าง ESCA (ที่เดียวกับร้าน Ebidote) ร้านอยู่ที่พิกัด 35.170862, 136.879894 (ร้านหมายเลข 38) สัญลักษณ์ของก็เป็นรูปเจ้าหมูซูโม่นี่ล่ะครับ

เมนูในร้านจริงๆมีเยอะนะ แต่แน่นอนมาทานทั้งทีต้องจัด Misokatsu ซึ่งเป็นของเด็ดของร้านนั่นล่ะครับ Portion ที่เสิร์ฟถือว่าใหญ่น่าดู หมูทอดสันนอกขนาดใหญ่ 2 ชิ้น ที่พนักงานเอามาราดซอสมิโสะให้ที่โต๊ะ เสิร์ฟมาพร้อมกับข้าว ซุป และผักดอง เคล็ดลับความอร่อยอย่างหนึ่งคือให้โรยงาขาวเพิ่มลงไป จะเพิ่มความหอมได้อย่างดีเลย

สำหรับสาวๆที่กลัวกินจานเดียวแบบนี้ไม่หมดก็สามารถสั่งเป็น miso-Katsudon หรือ ข้าวหน้าหมูทอดมิโสะได้ครับ รสชาติเหมือนกันเลย แค่จะมาแบบเอาหมูแปะมาบนข้าวแล้ว และมีหมูเพียง 1 ชิ้นครับ

สนนราคา MisoKatsu แบบเซตอยู่ที่ 1,728 เยนหากเอาเฉพาะหมูทอด 2 ชิ้นราคาเพียง 1,296 เยน ถ้าเป็น Katsudon ราคาอยู่ที่ 1,296 เยน

สรุป เป็นอาหารพื้นถิ่นอีกร้านที่ไม่ควรพลาด หาทานสะดวกมีอยู่หลายสาขา แม้เมนูจะดูเหมือนธรรมดา แต่ก็ไม่ธรรดาด้วยซอสมิโสะที่ราดลงไปซึ่งมีให้ทานเฉพาะที่นาโกย่าเท่านั้น (ปัจจุบันมีสาขามาเปิดในไทย แต่ได้ข่าวมาว่ารสชาติสู้ที่ญี่ปุ่นไม่ได้เลย)

เว็บไซต์ http://www.english.yabaton.com

6.  ข้าวหน้าปลาไหล (Hitsumabushi ) – ร้าน Unagi Horaiken

ร้านสุดท้ายที่จะแนะนำคือ ร้าน Unagi Horaiken ซึ่งเป็นร้านต้นตำรับของข้าวหน้าปลาไหลสูตรนาโกย่า ซึ่งปัจจุบันมีหลายร้าน แต่ร้านที่เก่าแก่ออริจินัลที่สุดคือร้าน Horaiken ร้านนี้ แน่นอนว่าจะแลกมาด้วยราคาที่แพงกว่าร้านอื่นๆ แต่พูดได้เลยว่าคุ้มค่า แน่นอน ร้าน Horaiken มีอยู่หลายสาขา สาขาที่ไปสะดวกที่สุดคือสาขาที่ห้าง Matsuzakaya อยู่ที่ชั้น 10 ซึ่งเราสามารถเดินจากสถานีรถไฟ Yabacho มาที่ทางออก 5 แล้วขึ้นลิฟท์มาได้เลย ที่นี่ร้านข้างๆ Horaiken ก็คือร้าน Yabaton นั่นเองถือว่าเป็นห้างที่มีของอร่อยรวมๆอยู่ไม่น้อยเลย

อ้อร้านนี้ไม่ได้เปิดทั้งวันนะครับ ช่วงกลางวันจะเปิดถึงแค่ 2:30 pm เท่านั้น และช่วงเที่ยงคนค่อนข้างเยอะ ผมไปถึง 2:00 ยังมีคิวหน้าร้าน  4-5 คิวครับ แต่ถ้าเราไปถึงหน้าร้านก่อนเวลาเค้าจะให้เราเข้าคิวเข้าไปทานได้นะครับไม่ต้องกังวลไป

กว่า 90% ของคนที่มาทานร้านนี้ก็สั่งข้าวหน้าปลาไหลทานนี่ล่ะครับ โดยจะมี 2 ไซส์ ไซส์ปกติราคา 3,600 เยนและไซส์ใหญ่ราคา  5,100 เยน ไซส์ในภาพนี้คือไซส์ใหญ่ครับ

ข้าวหน้าปลาไหลที่นี่จะมีวิธีทานให้ด้วยนะ เค้าบอกให้เราแบ่งข้าวเป็น 4 ส่วน ส่วนแรกให้ทานเปล่าๆเลย เพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นของปลาไหลอย่างเต็มที่ จากนั้นส่วนที่สองให้โรยเครื่องเคียงลงไปซึ่งจะมีหอมซอย สาหร่ายและวาซาบิ ซึ่งจะได้ความกลมกล่อมของรสชาติ และกลิ่นของเครื่องเคียง ส่วนที่สามให้ทำแบบส่วนที่สองแต่ให้เทน้ำซุปลงไปบนปลาไหล ซึ่งแบบนี้เค้าว่าจะได้ความสดชื่นของน้ำซุปที่ละลายรสสชาติของซอสปลาไหลลงไป จากนั้นส่วนที่สี่ให้ทานแบบที่ตัวเองชอบที่สุดใน 3 แบบที่ผ่านมานั่นเอง

ส่วนตัวแล้วผมชอบแบบที่ 2 มากที่สุดเพราะยังได้รสชาติของปลาไหลแบบเต็มๆ แต่มีกลิ่นของเครื่องเคียงมาช่วยขับให้หอมหวลยิ่งขึ้น

สรุป แพงที่สุด แต่อร่อยที่สุด และห้ามพลาดมากที่สุดสำหรับข้าวหน้าปลาไหล พูดเลยว่าถ้ามานาโกย่าแล้วไม่ได้กินคือมาไม่ถึง แต่สำหรับคนงบน้อยอาจจะต้องกัดฟันเลือดซิบๆนิดนึงก่อนไปทาน แต่คุ้มนะ..

ทั้งหมดนี้เป็นรีวิว 6 ร้านอาหาร นาโกย่า ออริจินัล ที่ต้องลองชิม
เอาไว้เป็นแนวทางสำหรับคนที่ไปเที่ยวนาโกย่า หรือใช้นาโกย่าเป็นศูนย์กลางในการเที่ยวญี่ปุ่นนั่นเองจ้า

ทั้งนี้ความชอบในรสชาติอาหารเป็นวิจารณญาณส่วนบุคคล
หลายอย่างที่ผมชอบ คนอื่นอาจจะไม่ชอบ
หลายอย่างที่คนอื่นชอบ ผมอาจจะไม่ชอบก็ได้
ดังนั้นในรีวิวนี้จึงเป็นเพียงความคิดเห็นของผมเองเท่านั้น

สำหรับวันนี้ลาไปแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ

สำหรับคนที่อยากหาที่พักที่นาโกย่าผมมีรีวิวแนะนำไว้ 2 ที่สามารถไปชมรีวิวได้ครับ

โรงแรมเมเท็ตสึ อินน์ นาโกยาเอคิมาเอะ

โรงแรม Nagoya Ekimae Montblanc