Nov-2016
เก็บหัวใจแล้วแบกเป้ตะลุยเดี่ยว ทริปตามหาเขาในวันฝนพรำ ปางอุ๋ง-บ้านรักไทย-เชียงดาว
เก็บหัวใจแล้วแบกเป้ตะลุยเดี่ยว ทริปตามหาเขาในวันฝนพรำ ปางอุ๋ง-บ้านรักไทย-เชียงดาว
สวัสดีค่ะ สืบเนื่องมาจากการติดใจเมื่อได้เริ่มออกเดินทางคนเดียวในวัย 20 กว่าๆ จึงอยากนำประสบการณ์มาแบ่งปันทุกคน ให้หนีไปตามหา ‘(ภู)เขา’ ด้วยกันค่ะ แม้ทริปนี้ไม่ใช่ทริปแรกที่ออกเที่ยวเดี่ยว…แต่เป็นอีกทริปที่เกิดจากการแพลนล่วงหน้าไม่ถึงเดือน เหตุผลเหรอคะ…ไม่มีอะไรมากเลย แค่บังเอิญไปเจอรูปปางอุ๋งแล้วตกหลุมรักขึ้นมาทันที รออะไรคะ เก็บกระเป๋ากันเลยดีกว่า
เริ่มต้นด้วยการจองตั๋วค่ะ ที่พักเราไม่ค่อยกังวลมากนัก เนื่องจากไปช่วงเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วง low season ของการท่องเที่ยว ณ ตอนนั้นดูรีวิวเจอโฮมสเตย์ลุงปาละ ที่พักด้านหน้าปางอุ๋ง โทรไปเช็คได้คำตอบว่าสามารถ walk in เข้าไปได้ค่ะ…เราจึงตัดสินใจไม่จองที่พักล่วงหน้า
ต่อมาขั้นตอนในการจองตั๋ว เนื่องจากไม่มีสายการบินตรงจากกรุงเทพฯ-แม่ฮ่องสอน จะต้องไปต่อเครื่องที่เชียงใหม่อีกที เพื่อคุมค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้
เราจึงตัดสินใจเลือกใช้บริการรถทัวร์ค่ะ…แม้แต่รถทัวร์ไปจากกรุงเทพก็ถือว่าน้อยมากที่วิ่งเข้าแม่ฮ่องสอนเมื่อเทียบกับเชียงใหม่
เราเลือกจองกับสมบัติทัวร์ ราคา 788 บาท ขึ้นที่หมอชิตรถออก 5 โมงเย็นขอบอกนะคะว่าออกตรงเวลาเป๊ะค่ะ เพราะฉะนั้นไปเผื่อเวลาดีที่สุดนะคะ
หรือหากใครสะดวกขึ้นที่บริษัทสมบัติทัวร์เองเลย จะอยู่ตรงถนนวิภาวดี รถทัวร์จะไปรับตอน 5.30 ค่ะ มีชายหนุ่มขึ้นตรงนี้มานั่งข้างเราค่ะ โชคดีที่ดูเป็นมิตร เราเลยไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่กับระยะทางยาวๆ กว่าจะไปถึงจุดหมายปลายทางเช้า กล้าปิดตานอนหลับแล้วค่ะ เราตื่นขึ้นมาอีกทีช่วงสี่ทุ่มถึงจุดจอดพักรถและแวะทานข้าว ถ้าจำไม่ผิดจังหวัดกำแพงเพชรค่ะ อาหารเป็น buffet นะคะทั้งข้าวต้มและข้าวสะอาดใช้ได้ มีรถทัวร์เราแค่คันเดียว เราเดินลงมายืดเส้นยืดสาย คิดในใจว่าทำไมมันช่างเงียบแบบนี้ 55555
จากนั้นเมื่อทานอิ่มสบายพุงแล้ว เราออกเดินทางกันต่อค่ะ จากรีวิวที่ดูมาเส้นทางจะเป็นโค้งตลอดทางตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงเช้าค่ะ…และก็จริงค่ะ เราลืมตาอีกทีตอนตี 1 โค้งน่ากลัวมาก เหลือเพียง 2 เลนและทางมืดมาก แต่ด้วยความชำนาญทางของคนขับ แม้กลัวแต่ก็พออุ่นใจได้บ้าง เราเลยกินยาแก้เมารถกันไว้ก่อน 1 เม็ดก่อนพยายามข่มตานอนให้หลับค่ะ จนแล้วจนรอดก็หลับๆตื่นๆจนถึงช่วงตี 4-5 รถทัวร์ก็เริ่มจอดให้ผู้โดยสารลงระหว่างทาง…จนใกล้ถึงจุดหมายปลายทางที่สถานีช่วงเช้า แสงแดดรำไรมองเห็นภูเขาข้างทาง สวยมากกกกจริงๆค่ะ ให้ดาวสิบดวงเลย เราถึงขนส่งโดยประมาณ 7.30 ค่ะ ขอบคุณตัวเองที่ผ่าน 1,864 โค้งมาได้โดยไม่เมารถไปซะก่อน
ลงจากสถานีปุ๊ป มองไปรอบๆตัว คนหายไปไหนหมด รถรับจ้างละ หากเป็นตอนกลางคืน คงขนลุกวังเวงน่าดู
โชคดีเราเหลือบไปเห็นพี่ผู้ชาย 2 คนน่าจะขับรถรับจ้างอยู่แถวนี้ เราตรงดิ่งเข้าไปถามเขา พยายามพูดชื่อสถานที่ที่ list ไว้ในหัวมาทั้งหมดเท่าที่จำได้ พี่วินมอเอตร์ไซด์คนหนึ่งจึงอาสาพาไป บอกเราว่า เดี๋ยวพี่พาวนไปหมดนี่แหล่ะคิด 800 บาททั้งวันเลย เราตกลงราคาพอสู้ไหวและน่าจะสะดวกไม่เสียเวลาที่จะเก็บทุกที่ในวันนี้
สถานที่แรกที่เราแวะไปคือ วัดพระธาตุดอยกองมูค่ะ เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตัวพระธาตุสีขาวชวนมอง บวกกับวิวที่เห็นขอบอกว่าไม่มาที่นี่พลาดแล้วค่ะ สวยงามจับใจจริงๆ
ด้านหลังพระธาตุจะมีร้านกาแฟ Before Sunset เป็นร้านกาแฟเล็กๆ แต่วิวหลักล้าน เห็นวิวตรงหน้าแบบนี้ขอบอกว่าเรายิ้มไม่หุบเลยจริงๆค่ะ
จากพระธาตุดอยกองมูซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเพียงไม่กี่กิโล เราไปต่อกันที่ ‘ซูตองเป้ สะพานไม้แห่งเมืองสามหมอก” ค่ะ โดยสะพานจะเชื่อมวิหารหลวงพ่อซูตองเป้ถึงหมู่บ้านกุงไม้สัก และจะมีพระภิกษุสามเณรออกรับบิณฑบาตช่วงเช้า สีเขียวของทุ่งนาหน้าฝนตัดกับสะพาน สวยงามมากค่ะ เชื่อกันว่าด้วยแรงศรัทธาที่ชาวบ้าน พระภิกษุสามเณร ที่สร้างสะพานนี้ขึ้น หากไปยืนอธิษฐานกลางสะพาน ขอสิ่งใดก็จะสมปรารถนาค่ะ
ตรงจุดนี้เดินทางต่อกันยาวๆไปที่ถ้ำปลาค่ะ ที่นี่ปลาจะมามุงกันบริเวณทางเข้าถ้ำ น้ำใส ไหลเย็น เห็นตัวปลาชัดๆกันเลยค่ะ ขอบอกว่าปลาที่นี่ให้อาหารกันด้วยพืชผักและใบชานะคะ
จบจากให้อาหารปลาเราไปต่อเส้นปางอุ๋ง ซึ่งเป็นเขาชันตลอดให้เราขับรถมาเองคงไม่ไหวแน่ๆ ระหว่างทางเราแวะน้ำตกผาเสื่อค่ะ
จากนั้นเดินทางไปถึงสถานที่ ที่เป็นจุดเริ่มต้นให้เรามาที่นี่ค่ะ ” ป า ง อุ๋ ง ” สวยงามและเงียบสงบในฤดูฝนค่ะ มีเสน่ห์ไปอีกแบบ
เราเดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ว่าช่วงนี้มีหมอกลงผิวน้ำช่วงเช้าหรือยัง เจ้าหน้าที่บอกว่าเมื่อเช้าไม่มีค่ะ แต่พรุ่งนี้หากฝนตกก็ไม่แน่
เราชั่งใจอยู่นานเพราะยังขาดบ้านรักไทยที่เราตั้งใจจะไป ซึ่งแม้ห่างกันไม่มากแต่ก็ไม่ไกล้ หากเดินทางไปนู้น แล้วกลับมาอีกเกรงว่าจะเสียเวลาไปหน่อย เราจึงตัดสินใจว่าหากชอบบ้านรักไทยเราจะค้าง
นู้นเลยค่ะ
และที่นี่ ” บ้ า น รั ก ไ ท ย ” สุดเขตประเทศไทย เห็นครั้งแรกก็ตกหลุมรักในทันที
บ้านรักไทยเป็นชุมชนเล็กๆกลางเทือกเขา มีทะเลสาปอยู่ตรงกลาง ทำให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในความฝัน เราพักรีสอร์ทเล็กๆในราคาคืนละ 400 บาทพร้อมห้องน้ำในตัวค่ะ อาบน้ำเสร็จเราก็เช่าจักรยานขี่ไปรอบๆหมู่บ้าน ลืมบอกไปค่ะ รูปที่เราถ่ายใช้ขาตั้งกล้องนะคะ สำหรับคนที่เที่ยวคนเดียวเป็นประจำ เป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้นะคะ
และที่นี่ ทำให้เราพบว่าที่ที่พักใจดีที่สุดคือ ไม่ใช่ที่เที่ยวที่มีกิจกรรมอะไรมากมาย…แต่เป็นที่ที่ไม่มีอะไรทำเลย แค่ได้มองธรรมชาติอยู่แบบนั้น…
มองหมอกที่ค่อยๆลอยลงต่ำปกคลุมยอดภูเขาตอนใกล้พลบค่ำ…
มองแมว หมา ไก่ มองสัตว์นอน เล่น มันไม่ต้องคิดอะไรเลยจริงๆ… ก็แค่ปล่อยใจไปแบบนั้น…มันดีสุดแล้วจริงๆค่ะ
มาที่นี่แล้วต้องแวะมา ลีไวน์รักไทยนะคะ เป็นรีสอร์ทในไร่ชาและมีร้านอาหารจีนยูนนานอยู่ติดทะเลสาปค่ะ อาม่าเจ้าของที่พักอนุญาตให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปบริเวณไร่ชาด้านนอกได้นะคะ สวยงามน่าเหลือเชื่อค่ะ
วันที่เรามาฝนตกพรำๆช่วงเย็นจนถึงเช้าค่ะ แต่เราชอบมากกก เพราะหลังฝนตกจะเห็นหมอกฝนทั้งบนผิวหน้าและไล่ภูเขา มีความสุขเหลือเกินค่ะ
ค่ำวันนั้น…เรามีอีกหนึ่งทริปที่เชียงใหม่ในใจค่ะคือ ‘ โ ฮ ม ส เ ต ย์ เ ชี ย ง ด า ว ’ ดูวิวดอยหลวง เนื่องจากเรามีแพลนจะมาเดินขึ้นยอดดอยหลวงช่วงปลายพฤศจิกายนค่ะ อยากมาดูให้เห็นกับตาถึงความสวยงามที่เขาว่ากัน ก่อนจะมาเดินขึ้นยอดดอยถึกๆอึดๆค่ะ
แต่พอโทรไปโฮมสเตย์เต็มหมดแล้ว ยกเว้นบ้านวิวสวย ซึ่งเป็นโฮมสเตย์เปิดใหม่ เราจึงจองห้องพักไว้ คืนละ 500 บาทค่ะ (เราไม่ได้จองล่วงหน้าไว้เนื่องจากไม่แน่ใจว่าจะทำเวลาทันจากแม่ฮ่องสอนหรือเปล่าค่ะ)
แต่เราดื้อค่ะ อยากจะไปเชียงดาวให้ได้เลย…จากที่นี่ไปถึงเชียงดาวใช้เวลาประมาณ 6 ชม. กับรถอีก 3 ต่อ
วันรุ่งขึ้น เราออกจากบ้านรักไทยช่วงเช้ากลับไปขึ้นรถตู้ที่ขนส่ง โดยขอติดรถพี่นุช พี่เจ้าของที่พักลงมาค่ะ ชาวบ้านที่นี่ใจดีค่ะมาส่งให้ถึงที่เลย นั่งรถตู้จากแม่ฮ่องสอนมาลงตลาดแม่มาลัยใช้เวลาประมาณ 5 ชม. ค่ะ จากนั้นนั่งสองแถวแดงมาลงที่หน้าโลตัส อำเภอเชียงดาว
และเนื่องจากเรามาถึงเย็น คิวรถสองแถวจะมีแค่ช่วงเช้านะคะ จึงต้องจำใจเหมารถสองแถวขึ้นไปแบบไม่มีทางเลือกค่ะ พี่เขาลดให้จาก 600 เหลือ 500 บาทค่ะ ทางขึ้นก็จัดว่ายากในระดับนึงค่ะ ไม่แนะนำมากลางคืนเลยนะคะ เพราะมืดจะไม่มีไฟเลยค่ะและทางแคบค่ะ
มาถึงแล้วเจ้าของที่พักมารออยู่แล้วค่ะ เราเก็บของแล้วออกไปเก็บภาพก่อนกลับมาทานข้าวค่ะ เนื่องจากเมื่อเย็นฝนตกหนัก เราจึงเห็นหมอกฝนชัดมาก ที่คิดไว้สวยคูณสิบ ของจริงดอยเชียงดาวให้คูณร้อยเลยค่ะ
คืนพรุ่งนี้เราต้องกลับกรุงเทพแล้วค่ะ ปกติเรามาเชียงใหม่ ขาดไม่ได้ต้องเดินถนนคนเดินค่ะ รุ่งเช้าเรานั่งสองแถวลงมาแล้วนั่งรถแดงกลับเข้าเมือง
มาถึงช่วงเที่ยงเลยแวะขึ้นดอยสุเทพ เป็นทริปเล็กๆส่งท้ายค่ะ
ขึ้นไปต่อบนยอดดอยปุยค่ะ เห็นแนวเทือกเขาแบบนี้ สวยจังเลยค่ะ
บทส่งท้ายที่ถนนคนเดินประตูท่าแพในค่ำวันอาทิตย์…และเจดีย์หลวงวรวิหารค่ะ
……………~จ น ก ว่ า เ ร า จ ะ พ บ กั น ใ ห ม่~……………