Jul-2016
Somewhere Koh SiChang – โรงแรมซัมแวร์ โรงแรมใหม่ใจกลางเกาะสีชัง
Somewhere Koh Sichang
โรงแรมซัมแวร์ โรมแรมใหม่ใจกลางเกาะสีชัง
บ่อยครั้งที่เราออกเดินทางเพื่อไปพักผ่อน ปล่อยกายปล่อยใจให้ว่าง เพื่อเป็นการรีเฟรชหัวสมองให้พร้อมกับการกลับมาสู้ชีวิตต่อไป ซึ่งปกติแล้วที่พักใกล้กรุงมักเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนพลุกพล่าน แต่กับที่โรงแรมซัมแวร์ Somewhere Koh Sichang นั้นกลับเป็นโรงแรมที่ใกล้กรุงมาก และยังมาพร้อมกับความสงบที่ให้เราอยู่กับตัวเองได้เป็นอย่างดี
โรงแรมซัมแวร์ Somewhere Koh SiChang ตั้งอยู่บนเกาะสีชัง ซึ่งอยู่นอกชายฝั่งสามารถเดินทางได้จากท่าเรือที่ อ.ศรีราชา ซึ่งขับรถจากกรุงเทพฯราว 1:30 ชม.เท่านั้น โรงแรมซัมแวร์เป็นโรงแรมน้องใหม่ที่พึ่งเปิดให้บริการไปเมื่อ 1 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา โรงแรมที่นี่เป็นหนึ่งในเครือ Cape & Kantary Hotel ที่มีโรงแรมหรูๆสวยๆหลายแห่งอาทิ Cape Nidhra Hotel ที่หัวหิน หรือ Cape Panwa Hotel ที่ภูเก็ต ดังนั้นจึงพอจะการันตีได้เป็นอย่างดีว่าที่นี่ต้องมีอะไรดีๆแน่นอน
การเดินทางนั้นจะต้องขึ้นเรือ เราสามารถจอดรถที่ท่าเรือเกาะลอยได้เลย (ช่วงที่ผมไปเกาะลอยปิดปรับปรุง จึงต้องไปขึ้นที่ท่าเรือจรินทร์) หรือเราสามารถนำรถยนต์ไปจอดที่โรงแรมแคนทารี่ ศรีราชาก็ได้ ซึ่งโรงแรมจะมีรถไปส่งที่ท่าเรือด้วย แผนที่ที่ผมให้ไว้จะเป็นแผนที่ของโรงแรมแคนทารี่ศรีราชาที่เราสามารถเอารถไปจอดได้ครับ
หลังจากนั่งเรือราวๆ 45 นาทีก็จะถึงเกาะสีชัง ซึ่งเราสามารถติดต่อโรงแรมซัมแวร์ให้เตรียมรถสกายแลปมารับได้ (ให้บอกที่ Lobby ที่โรงแรมแคนทารี่ศรีราชาได้เลย) ใช้เวลาจากท่าเรือ 3-4 นาทีก็ถึงโรงแรมซัมแวร์ล่ะจ้า
บ้านหลังเล็กๆที่เห็นเป็นส่วนของ Lobby และห้องอาหาร The Verandah Restaurant ซึ่งเป็นห้องอาหารหลักของโรงแรมซัมแวร์แห่งนี้ หลังจากไปเช็คอินเป็นที่เรียบร้อยจะมี Welcome Drink เป็นน้ำส้มคั้น พร้อมกับผ้าเย็นเช็ดหน้าให้ชื่นใจหลังจากนั่งเรือข้ามทะเลมา ซึ่งหากต้องการเช่ามอเตอร์ไซค์ไว้สำหรับขี่เที่ยวรอบเกาะ หรือจะจ้างเป็นสกายแลปนำเที่ยวรอบเกาะก็สามารถให้โรงแรมติดต่อให้ได้เลย เท่าที่ผมถามดูราคาก็ไม่ได้แตกต่างจากเช่าเองเท่าไหร่
ที่พักของโรงแรมซัมแวร์เป็นอาคารสีขาวน่ารักๆ 2 ชั้นแต่ละชั้นมี 10 ห้อง ทั้งโรงแรมรวมแล้วมีห้องเพียง 20 ห้องเท่านั้น ทำให้มั่นใจได้ว่าหากใครต้องการมาที่นี่เพื่อพักผ่อน รับรองว่าจะได้พบกับความเงียบสงบแน่นอน ที่นี่พื้นที่อาจจะไม่กว้างมากนักแต่ก็ตกแต่งทำสวนได้สวยน่าดู สวนเขียวๆกับโรงแรมน่ารักๆสีขาวให้ความรู้สึกที่สดชื่นดีจริงๆ
บริเวณทางเข้าอาคารจะมีประตูกระจกบานใหญ่อยู่ ซึ่งช่วงหลังหกโมงเย็นการเข้าออกจากอาคารจะต้องใช้คีย์การ์ดครับ ตรงบริเวณทางเข้าทำเป็นโถงใหญ่ เนื่องจากที่นี่มีแค่ 2 ชั้นดังนั้นที่นี่จึงไม่มีลิฟท์ แต่ก็ไม่ต้องกลัวไปเพราะตอนเช็คอินน้องพนักงานจะยกกระเป๋าไปส่งเราที่ห้องเลย รวมถึงตอนขากลับก็สามารถโทรไปที่ Lobby เพื่อให้น้องเค้ามาช่วยยกกระเป๋าลงมาได้ด้วยเช่นกัน
สำหรับห้องพักที่นี่จะเป็นแบบ Deluxe เหมือนกันทั้ง 20 ห้อง ซึ่งจะมีทั้งห้อง Twin และ Double รวมไปถึงมีบางห้องที่ทำเป็นแบบ Connection สำหรับแขกที่มาเป็นครอบครัวด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้เราสามารถรีเควสห้องที่ต้องการตอนจอง หรือตอนเช็คอินได้ครับ ทางเดินจะใช้สีขาวและฟ้าครามตามธีมของโรงแรม
ภายในห้องพักแต่ละห้องจะมีการตกแต่งที่แตกต่างกันไปเล็กน้อย แต่ทั้งหมดก็จะก็ตกแต่งในโทนเดียวกัน คือเน้นการใช้สีขาวและสีฟ้าคราม ซึ่งส่วนตัวผมชอบนะ มันให้ความรู้สึกที่สบาย อบอุ่น และเป็นกันเอง มีส่วนของโซฟาไว้นั่งดูทีวีเล่น มีโต๊ะเครื่องแป้งที่สามารถใช้เป็นโต๊ะทำงานได้ด้วย ที่นี่จะไม่มีตู้เสื้อผ้า แต่จะมีราวแขวนเสื้อให้แทน ซึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนไม่นานผมว่ามันก็โอเคเลยเพราะการที่ไม่มีตู้เสื้อผ้ายังทำให้ห้องดูโปร่งโล่งสบาย สำหรับพวกตู้เซพอยู่ใต้ราวเสื้อผ้าครับ
สำหรับที่นี่อินเตอร์เนตถือว่าเร็วพอดู ตอนที่ Login หน้าจอขึ้นบอกว่าให้ใช้ความเร็วที่ 2/2 mbps แต่ตอนใช้จริงผมพบว่ามันเร็วกว่านั้น เพราะผมสามารถดูบอลถ่ายทอดสดออนไลน์แบบ HD ได้โดยภาพไม่มีกระตุก และผมสามารถอัพรูปส่งไปขายเอเยนซี่ในต่างประเทศได้เร็วระดับหนึ่งซึ่งจากที่เครื่องผมอัพได้ผมว่าความเร็วขาอัพโหลดอยู่ที่ราว 5-10 mbps ครับ
ส่วนห้องน้ำผมชอบตรงผนังห้องที่ใช้ไม้สีฟ้า ดูสวยอบอุ่นดี อุปกรณ์ต่างๆในห้องน้ำจะใช้สุขภัณฑ์ของ Cotto เป็นหลัก ชุดสิ่งอำนวยความสะดวก (Amentity Kit) และผ้าคลุม มีครบตามมาตรฐาน แต่ที่นี่จะไม่มีชุดแปรงสีฟัน ยาสีฟันให้นะครับ
และห้องพักทุกห้องจะมีระเบียงให้ สามารถออกไปนั่งรับลมชมวิวได้ด้วย เรียกว่าชิวเลยทีเดียว
ส่วนสระว่ายน้ำของโรงแรมซัมแวร์จะอยู่ติดกับอาคารที่เป็นล็อบบี้ ขนาดกำลังดีไม่เล็กไม่ใหญ่ ไว้มานอนเล่นชิวๆ ฟังเพลงอ่านหนังสือได้
ห้องอาหาร The Verandah Restaurant
สำหรับคนที่มาที่นี่เพื่อพักผ่อนไม่ได้ออกไปเที่ยวในเกาะ ก็สามารถกินอยู่ที่ห้องอาหาร The Verandah Restaurant ได้เลยซึ่งที่นี่มีทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง เป็นคาเฟ่มานั่งจิบกาแฟยามบ่ายได้ รวมไปถึงเป็นบาร์ให้มานั่งดริ้งค์ตอนกลางคืนได้เช่นกัน
สำหรับอาหารเช้านั้นจะเป็นบุฟเฟ่ต์ พร้อมสามารถสั่งอาหารร้อนแบบ a la carte ได้ไม่จำกัด แต่ถ้ามีแขกไม่มากที่โรงแรมจะไม่จัดไลน์บุฟเฟ่ต์ แต่เราสามารถสามารถสั่งอาหารที่ปกติมีในไลน์บุฟเฟ่ต์ได้ทุกอย่างทั้ง ขนมปัง ชีส สลัด ซีเรียลต่างๆ ตัวที่แนะนำคือครัวซองค์ที่กรอบนอกนุ่มในทานคู่กับเนยอร่อยล้ำ
ตัวอาหารร้อนที่เป็น ไข่และเนื้อ ใช้วัตถุดิบที่ดี รสชาติก็มาตรฐานทั่วไป ที่ผมชอบคือ เบคอนกรอบที่ทอดมาได้กรอบมากๆ ผมอยากจะแนะนำ Asian Breakfast ตัวเส้นหมี่ผัดเต้าหู้และผัก ผัดมาได้อร่อยมากครับ อันนี้แนะนำเลยครับ
สำหรับมื้ออื่นๆที่ห้องอาหารแห่งนี้ก็มีบริการตลอดทั้งวันจนถึง 5 ทุ่มเลยครับ ผมที่ไปพักผ่อนที่นี่เลยฝากท้องไว้ที่นี่ทุกมื้อครับ ราคาอาหารถือว่าไม่แพงพวกสเต็กอยู่ที่จานละ 200 บาทเท่านั้น ซึ่งจุดเด่นของห้องอาหารที่นี่ จะคล้ายๆโรงแรมในเครือแคนทารี่ก็คือ อาหารอิตาลี โดยเฉพาะพวกพิซซ่าครับ ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะมีเชฟชาวอิตาลีนั่นเอง แต่เชพคนนี้ไม่ได้มาประจำที่นี่นะครับ
คืนแรกผมสั่งเป็นพอร์คชอปและ สลัดซีซ่าร์ ซึ่งแน่นอนตามสไตล์อาหารฝรั่งก็ต้องเริ่มจากขนมปัง ซึ่งมีหลากหลายชนิด ซึ่งส่วนตัวแล้วผมชอบดินเนอร์โรลที่สุด ขนมปังอบมาร้อนๆอมหวานนิดๆทาเนยเค็มๆมันๆเข้ากันเป็นอย่างดี
สำหรับซีซ่าร์สลัด ผักสดมากที่นี่จะมีใส่มะกอกดองให้ความเปรี้ยวๆเค็มๆ ทานคู่กับไก่อบและเบคอนกรอบ อร่อยมาก ส่วนพอร์คชอป ผมว่าที่ทำมาจะค่อนข้างสุกไปซักเล็กน้อยครับ
ผมค่อนข้างโชคดีที่วันที่สองไปเจอเพื่อนที่นี่โดยไม่ได้นัดหมายเลยได้มีโอกาสสั่งอาหารมาทานหลายอย่างเลยในมื้อกลางวันและเย็นของวันที่สอง มื้อกลางวันสั่งมาทานกัน 4 อย่างคือ พาสต้า Aglio Olio ซึ่งเป็นพาสต้าที่ใช้กระเทียมและพริกเป็นส่วนผสม ซึ่งส่วนตัวผมชอบเพราะมันเป็นความลงตัวของอาหารฝรั่งกับรสชาติเผ็ดร้อนแบบเอเชียดีครับ จานที่สองเป็นเนื้อย่างเสียบไม้ทานคู่กับข้าวผัดลูกเกด อันนี้ตัวเนื้อกริลล์ได้กำลังดี กัดลงไปแล้วได้ความชุ่มฉ่ำของเนื้อมากๆ ทานตัดรสด้วยสัปปะรดและพริกหยวกอร่อย..
จานที่สามสั่งเป็นอาหารไทยมาทานกันเป็นผัดไทยกุ้งสด จานนี้ถือว่าตัวน้ำซอสที่นำมาเป็นเครื่องปรุงผัดไทยรสชาติจัดจ้านกลมกล่อมดีครับ แต่ด้วยความที่ให้เส้นมาเยอะ แอบมีบางส่วนที่ผัดไม่ทั่วถึงไปบ้าง และอย่างสุดท้ายที่สั่งคือของขึ้นชื่อของโรงแรม พิซซ่า ซึ่งผมได้ลองทานพิซซ่าหน้าแซลมอนครับ พิซซ่ามาเป็นแป้งบางกรอบหน้าพิซซ่าชุ่มไปด้วยชีสอย่างดีโรยหน้าด้วยเนื้อแซลมอนรมควันและไข่แซลมอน จานนี้ตัวแป้งพิซซ่าทำได้ดีครับแค่โรยออริกาโนและพริกเล็กน้อยก็ทานได้เลย แต่แอบรู้สึกว่าตัวแซลมอนยังไม่ค่อยเข้ากับรสชาติของพิซซ่าเท่าไหร่ครับ
จานนั้นก็ปิดมื้อนี้ด้วยลาเต้ร้อนหนึ่งแก้วครับ
สำหรับมื้อเย็นผมสั่งอาหารคล้ายๆเดิม แต่เปลี่ยนเล็กน้อย เริ่มจากเครื่องดื่มผมขอเป็น Cocktail มาทานแทนกาแฟ (จะให้กินกาแฟอีกคืนนี้คงไม่ได้นอน 555) ผมลองสั่งพิซซ่ามาทานอีกรอบ เพราะอย่างที่บอกว่าผมเคยไปทานอาหารอิตาลีที่โรงแรมในเครือแคนทารี่แล้วติดใจ รอบนี้สั่งเป็นหน้ามาตรฐานอย่างฮาวายเอี่ยน ก็พบว่ามันอร่อยเหมือนเดิมละ แป้งบางกรอบทานแล้วไม่ตัดกำลังกับหน้าแน่นๆที่ชุ่มไปด้วยชีสอร่อยฟินจ้า
ส่วนจานหลักก็สั่งมาสามอย่างเหมือนเดิมมี สปาเกตตี้คาโบนาร่า อันนี้เรื่องรสชาติถือว่าโอเค แต่ผมว่าน่าจะทำให้ครีมมี่กว่านี้อีกนิดหนึ่งจะเฟอร์เฟคมาก ส่วนฟิชแอนด์ชิป ปลาทอดมาได้กำลังดี ภายนอกกรอบพอกัดเข้าไปปลาข้างในนุ่ม ร้อน และหอม ส่วนอีกจานเป็นซีฟู้ดริลล์เสียบไม้จานนี้ก็อร่อยแต่ผมชอบมื้อกลางวันที่เป็นเนื้อมากกว่าครับ
มื้อเย็นแอบมีของหวานปิดท้ายอีกหนึ่งอย่างเป็น ฮันนี่โทส ตัวนี้ผมว่าใส่เนยน้อยไปนิด ทำให้ตรงกลางด้านในของขนมปังไม่ชุ่มเนยเท่าไหร่ แต่ด้านนอกที่ชุ่มเนยนี่รสชาติอร่อยมากครับ
เรื่องที่เที่ยวในเกาะสีชังผมขอไม่พูดถึงละกันครับ เพราะที่เที่ยวมีหลายคนเคยรีวิวไว้แล้วครับ
ในวันกลับโรงแรมได้เรียกรถสกายแลปมารับผมก่อนเวลาเรือออกประมาณ 10 นาทีครับ เมื่อถึงฝั่งแล้วปกติเราจะต้องจ้างรถสามล้อหรือ มอร์เตอร์ไซค์กลับไปที่แคนทารี่ศรีราชาเพื่อไปเอารถเอง หรือถ้าเดินระยะทางจากท่าเรือจรินทร์จะอยู่ราวๆ 2 กม. แต่วันกลับผมโชคดีที่ทางฝั่งศรีราชามีมาส่งคนที่ท่าเรือพอดี ที่ซัมแวร์เลยแจ้งให้รอรับผมกลับไปด้วยเลย ก็เป็นอันว่าจบทริปพักผ่อน พักกาย ใกล้ๆกรุงที่ Somewhere Koh SiChang ด้วยประการละฉะนี้
สำหรับราคาห้องพักที่นี่จะตกที่คืนละ 1,800 บาท
บทสรุป โรงแรมซัมแวร์ (Somewhere Koh Sichang)
- เป็นโรงแรมขนาดเล็ก (20 ห้อง) น่ารักสงบและเป็นส่วนตัวเหมาะกับการมาพักผ่อน
- การตกแต่งโรงแรมคุมธีมได้สวยงาม ใช้สีขาวให้ความรู้สึกโปร่งสบายคู่กับสีน้ำเงินครามที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมาะกับการพักผ่อน
- ทำเลที่ตั้งใกล้กรุงเทพฯ ขับรถเพียง 1:30 ชม.ก็ถึง (ศรีราชา)
- ทำเลของตัวโรงแรมอยู่ใจกลางเกาะ เดินทางสะดวกเพียง 3-4 นาทีจากท่าเรือ ใกล้พระจุฑาธุชราชฐาน ซึ่งเป็นสถานที่เที่ยวหลักของเกาะสีชัง
- อาหารเช้าถือว่าจัดเต็มเมื่อเทียบกับราคาห้องพัก
- อาหารในมื้ออื่นๆรสชาติดีและราคาสมน้ำสมเนื้อ โดยเฉพาะอาหารฝรั่งที่ทำได้ดี
- เนื่องจากโรงแรมอยู่บนเกาะซึ่งมีแหล่งน้ำมากทำให้บริเวณสวนช่วงกลางคืนยุงค่อนข้างเยอะ
- อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในห้องพักครบครับขาดแค่ชุดแปรงสีฟัน
สำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้
- เว็บไซต์โรงแรม
- เช็คราคาและจองที่พักผ่าน expedia.co.th
- เช็คราคาและจองที่พักผ่าน Agoda.com
- เช็คราคาและจองที่พักผ่าน Booking.com
Voucher Code ลด 10% ของ expedia.co.th