Sunday Brunch @ Le Meridien Suvarnabhumi

ที่สุดของพรีเมี่ยมซันเดย์บรันช์บุฟเฟ่ต์ที่ต้องลิ้มลอง

ทุกวันนี้หลายโรงแรมได้เปิดให้บริการพรีเมี่ยมบุฟเฟ่ต์ในช่วง Sunday Brunch แต่ถ้าหากอยากลิ้มลองอาหารที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพแล้ว Sunday Brunch @ Le Meridien Suvarnabhumi Bangkok Golf Resort & Spa ถือเป็นหนึ่งใน Sunday Brunch ที่คุ้มค่าคุ้มคุณภาพมากที่สุด โดยเฉพาะเมื่อมีโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิตต่างๆ ซึ่งจะเหลือราคาเพียงพันนิดๆเท่านั้น Sunday Bruch ที่นี่มีอะไรบ้างไปดูกันเลยครับ

โรงแรม Le Meridien Suvarnabhumi Bangkok Golf Resort & Spa ตั้งอยู่ที่ในโครงการของหมู่บ้านวิลด์มิล สามารถเข้าได้จากทั้งถนนกิ่งแก้ว และถนนบางนา-ตราด ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 15 นาที บริเวณทางเข้าถือว่าออกแบบได้สวยงามโอ่โถงมากๆ

Sunday Brunch ของ Le Meridien Suvarnabhumi Bangkok Golf Resort & Spa จัดที่ห้องอาหาร Latest Recipe ซึ่งเป็นห้องอาหารหลักของโรงแรม ซึ่งตั้งอยู่ติดกับสระว่ายน้ำอินฟินิตี้ พูล ซึ่งผู้ที่มาทานอาหารที่นี่จะมีสิทธิพิเศษสามารถใช้บริการสระว่ายน้ำได้ฟรีด้วยซึ่งต่างจากโรงแรมอื่นๆที่การใช้งานสระว่ายน้ำต้องเป็นลูกค้าที่พักในโรงแรมเท่านั้น ห้องอาหารที่นี่จะมีโต๊ะให้นั่งทั้งส่วนภายในและภายนอกห้องอาหาร การจัดโต๊ะจัดหลวมๆให้ความรู้สึกสบาย

สำหรับไลน์อาหารที่นี่ผมขอแบ่งเป็น 7 กลุ่มใหญ่ๆคือ

• Carving & Live Station
• Bread & Cheese Station
• Salad and Cold cut Station
• Seafood on Ice
• BBQ Station
• Thai & Japanese Cuisine Station
• Dessert Station

Carving & Live Station

ก่อนอื่นของเริ่มที่ของที่ผมว่าเป็นเด็ดที่สุดของที่นี่เลยคือส่วนของ  Carving & Live Station ซึ่งจะเป็นอาหารพวกอบชิ้นใหญ่ๆที่นำมาแล่ไม่ว่าจะเป็น ไก่ย่าง Pork Rib ปลาย่างต่างๆ รวมไปถึงอาหารที่ทำสดเป็นจานๆตามสั่ง ซึ่งแต่ละอย่างล้วนเป็นซิกเนเจอร์ของ Sunday Brunch ของที่นี่นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น ฟัวกราส์ หอยเชลล์ หมูหัน แซลมอน ซุป พาสต้าต่างๆ รวมไปถึงอาหารไทยก็มี อาทิ ปลาทอดน้ำปลา กุ้งซอสมะขามเป็นต้น ซึ่งส่วนตัวผมว่าแค่มาทานอาหารในส่วนนี้อย่างเดียวก็คุ้มเกินคุ้มละครับ

ในส่วนของ Carving ผมได้มีโอกาสลองทานเฉพาะ Pork Rib ซึ่งตัวเนื้อนั้นย่างมาอย่างดีนุ่มอร่อย โดยเฉพาะเนื้อบริเวณกระดูกอ่อน ทานพร้อมกับกระดูกอ่อนแล้วกรุบๆมาก

ในส่วนของอาหาร Live Station ส่วนที่ผมชอบมากคือทุกจานที่เราสั่งนั้นจะเป็นการทำใหม่เสมอ จะไม่มีการทำไว้ก่อน โดยที่ Station จะมีตัวอย่างอาหารวางไว้ให้ดู เราสามารถไปแจ้งเบอร์โต๊ะได้เลย เชฟจะบรรจงตกแต่งจานแต่ละจานอย่างสวยงามทั้งหมด และในส่วนของวัตถุดิบที่นำมาเคียงกับอาหารหลักนั้นก็จะหลากหลายมาก การสั่งแต่ละครั้งจะไม่เหมือนกัน ทำให้สามารถกินได้เรื่อยๆอย่างไม่เบื่อเลยทีเดียว

เริ่มกันที่ ฟัวกราส์ (Foie gras) นั้นจะย่างมากำลังดีภายนอกเหลืองกรอบแต่ภายในนุ่ม ชิ้นเล็กพอดีคำ โดยทำเคียงคู่กับผลไม้และซอสหลากสไตล์ ในวันที่ผมไปมีทั้งทำคู่กับ ลิ้นจี่ ลำไย พีช เป็นต้น ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละวันเชฟจะปรุงอย่างไร แต่หากเราเคยไปทานแล้วชอบทานคู่กับอะไรสามารถรีเควสกับทางเชฟได้เลย ปกติแล้วเชฟจะปรุงมาจานละ 1 ชิ้น แต่เราสามารถออร์เดอร์เชพได้ว่าจะเอา 2-3-4-5 ชิ้นใน 1 จานก็ได้ซึ่งเชฟก็จะมีการตกแต่งจานที่สวยงามแตกต่างกันไปด้วย ซึ่งส่วนตัวแล้วผมชอบฟัวกราส์ที่ทานคู่กับพีช เพราะทานแล้วจะรู้สึกสดชื่นมากๆ รวมถึงรสชาติของพีชที่ตัดความเลี่ยนของฟัวกราส์ได้เป็นอย่างดีทำให้สามารถทานได้หลายชิ้นอย่างสบายๆเลย

ต่อมาก็จะเป็นหอยเชลล์ย่าง ซึ่งหอยเชลล์นี้ส่งตรงมาจากฮอกไกโด ซึ่งขึ้นชื่อความหวานนั่นเอง เอามากริลล์แล้วปรุงรสด้วยซอสหลากสไตล์ตามที่เชฟจะบรรจงทำมาให้ จานนี้เป็นอีกจานที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ

สำหรับตรง Live Station ยังมีอาหารอื่นๆอีกมากมาย ทั้งไทยและเทศ แต่ผมไม่สามารถทานได้ครบทุกอย่าง 555 ที่ได้ชิมก็จะมี ซุปข้าวโพด อันนี้ทานคู่กับขนมปังอร่อยดี ไว้เป็น Appetizer ได้ส่วนอาหารอย่างอื่นๆก็มี แซลมอนย่าง จานนี้จุดเด่นอยู่ที่มันบดที่ผสมชาเขียวทำให้หอมหวาน ส่วน หมูหัน ทำมาในสไตล์ฮ่องกงเป็นชิ้นๆพอดีคำ ส่วน กุ้งซอสมะขาม ตัวกุ้งทำมาเป็นไซส์เล็กพอดี 1 คำราดด้วยซอสมะขามเข้มข้น ถือว่าใครชอบทานอาหารเอเชียห้ามพลาด จริงๆมีปลาทอดน้ำปลาอีกอย่างที่ผมลืมสั่งพอนึกได้ตอนนั้นก็อิ่มจนทานไม่ไหวเสียแล้ว

Bread & Cheese Station

มาต่อกันด้วย Bread Station ซึ่งที่นี่ถือว่าขนมปังต่างๆมีมาแบบว่าจัดเต็มมาก และ Station ข้างๆจะเป็น Cheese ที่เป็นชีสที่นำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด แต่ตัวที่แนะนำเลยคือ Home made Cheese ซึ่งเป็นชีสสูตรพิเศษที่โรงแรมทำเอง แต่วัตถุดิบที่นำมาใช้ทำล้วนแต่นำเข้ามาจากประเทศต้นตำรับทั้งสิ้น และถัดออกไปก็จะมีน้ำผึ้งสดๆให้บริการด้วย ใครเป็นคอขนมปังที่นี่คือดีงามห้ามพลาด

Salad & Cold cut Station

ส่วนต่อมาจะเป็นซุ้ม Salad และ Cold cut ต่างๆ ซึ่งตัว Cold cut ส่วนมากจะนำเข้ามาจากอิตาลี ซึ่งเป็นต้นตำรับของอาหารประเภทนี้ ซึ่งสามารถเอาไปกินร่วมกับขนมปังและชีสได้อย่างลงตัวมากๆ และมีซุ้มผักสดๆที่ให้เราสามารถทำสลัดเองได้ตามใจโดยมีน้ำสลัดหลากหลายแบบให้เลือก ตัวผักที่มีถือว่าสดและกรุบกรอบมากๆ

ส่วนสลัดแบบที่ทำไว้แล้วซึ่งมีทั้งสไตล์ฝรั่งและสไตล์ไทยไว้บริการ แบบจัดเต็มมากๆ เรื่องรสชาติตัวที่เป็นสลัดไทยคือ ลาบปลาหมึก กับ ยำหมูย่าง ตัววัตถุดิบดีมากๆ แต่รสชาติจะค่อนข้างอ่อน ไม่ได้จัดจ้าน แต่ก็ถือว่ากลมกล่อมดี นอกจากนั้นยังมี Canape อีกหลายอย่าง ตัวที่ผมชอบคือ อกเป็ดซอสส้ม ทานแล้วรู้สึกสดชื่นดีมากๆ อีกอย่างที่ต้องยกนิ้วให้คือ กุ้งในน้ำมันงา กุ้งตัวใหญ่พอดีคำ สด เคี้ยวแล้วกรอบ หอมน้ำมันงาที่แช่มาสุดๆ

Seafood on Ice

มาดูอาหารอีกซุ้มหนึ่งที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของ Sunday Brunch ทุกที่ นั่นก็คือซุ้ม Seafood on Ice ซึ่งที่ Le Meridien Suvarnabhumi นั้นจำนวนชนิดของ Seafood ถือว่ามีไม่มาก แต่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ นำมาโดย King Crab ซึ่งที่นี่ใช้เป็น Alaskan King crab ซึ่งถึงจะเป็นปูเย็นแช่แข็งมาก็จริง แต่มีความสดเนื้อแน่นและหวาน

ส่วนกุ้งมี 2 แบบแต่ตัวที่แนะนำว่าต้องทานคือ กุ้งอาเจนติน่า กุ้งตัวนี้เนื้อจะหวานมากๆ และอีกอย่างที่เด็ดไม่ควรพลาดเลยคือ หอยนางรม ที่ส่งตรงมาจากฝรั่งเศส ซึ่งแม้ซีฟู๊ดเหล่านี้จะส่งตรงมาจากเมืองนอก แต่ที่ Le Meridien ไม่ลืมความเป็นไทย โดยการจัดน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดสไตล์ไทยๆไว้ให้บริการด้วย

BBQ Station

ที่ Le Meridien Suvarnabhumi นอกจาก Seafood on Ice แล้วอีกอย่างที่เป็นของเด็ดสำหรับ Sunday Brunch นั่นก็คือซุ้ม BBQ ซึ่งอาหารที่นี่จัดเต็มมากไม่ว่าจะเป็นหอยหลากชนิด ปลาหมึก และเนื้อต่างๆ ทั้ง หมู ไก่ เนื้อ และแกะ ที่เด็ดที่สุดคือแต่ละคนจะได้รับ Lobster เป็น Complimentary คนละครึ่งตัวอีกด้วย

สำหรับอาหารทะเลถือว่าสดอร่อยทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Lobster กุ้ง และหอยต่างๆ และที่เด็ดคือปลาหมึกย่างที่นี่เป็นปลาหมึกไข่ด้วย จากตอนแรกว่าจะไม่ทานปลาหมึกสุดท้ายแล้วอดใจไม่อยู่สั่งมาทานด้วย 555

BBQ ตระกูลเนื้อสัตว์ที่ผมชอบที่สุดจะเป็นหมูที่ย่างมาได้กำลังดี และหอมกลิ่นเครื่องเทศที่หมักมาได้ที่ทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่วคือความลงตัวที่สุด สำหรับเนื้อวัวและเนื้อแกะ ใครที่ชอบทานเนื้อที่ไม่สุก (Medium ถึง Rare) ผมแนะนำให้สั่งความสุกน้อยกว่าปกติ 1 ระดับเพราะเนื้อที่นำมาใช้นั้นทางโรงแรมแล่มาค่อนข้างบาง ทำให้การควบคุมไฟในการปิ้งย่างค่อนข้างลำบาก ภาพที่เห็นเอาส้อมจิ้มนั้นเป็นการสั่งในระดับ Rare ครับ

Thai & Japanese Cuisine Station

สำหรับซุ้มอาหารไทยและญี่ปุ่นก็จัดมาเต็มเช่นกัน ซุ้มอาหารไทย ส้มตำ น้ำพริก และ ก๋วยเตี๋ยว ต่างๆมากมาย สำหรับส้มตำนั้นเค้าจะมีครกให้เราสามารถทำเองได้ด้วย หรือจะให้เชฟเป็นคนตำให้ก็ได้เช่นกัน สำหรับอาหารญี่ปุ่นก็จะเน้นปลาดิบต่างๆ ซึ่งในไลน์จะมีทำซูชิและมากิหน้าต่างๆเอาไว้ให้ แต่เราสามารถสั่งเมนูนอกเหนือจากที่อยู่ในไลน์ได้ โดยให้แจ้งกับเชพที่อยู่ที่ไลน์อาหารได้เลย

ส่วนซาซิมิก็มีทั้ง แซลมอน ทูน่า ฮามาจิ หนวดปลาหมึกยักษ์ ซาบะ และปูอัด

สำหรับตระกูลซูชิ ซาซิมิ ถือว่าที่นี่ให้ปลาดิบมาแบบไม่มีงกเลยครับ ซูชิแต่ละชิ้นถือว่ามาแบบหน้าล้นมากๆ ส่วนซาซิมิที่ผมเอามากินทั้งทูน่า ถือว่าลายเนื้อสวยมาก เนื้อสดเด้งไม่เละเลย และที่สำคัญอย่างที่บอกครับ เราสามารถสั่งให้เชฟทำสดได้เลย ผมได้สั่งเป็นซูชิหน้าปลาไหลย่าง และซาชิมิหอยเชลล์ ใครที่ชอบทานปลาดิบที่นี่ก็ถือว่าเป็นสวรรค์ย่อมๆเลยทีเดียว

Dessert Station

หลังจากเต็มที่กับของคาวไปแล้วแต่ผมแนะนำว่าต้องเหลือกระเพาะไว้สำหรับของหวานด้วย เพราะที่ Le Meridien Suvarnabhumi มีเชฟด้านของหวานประจำอยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นเมนูทั้งหมดที่อยู่ในไลน์ คือเมนูที่เชฟบรรจงคัดสรรมาอย่างดี ต่างจากบางโรงแรมที่ไม่มีเชฟของหวานอยู่ ก็จะใช้วิธี Outsource ซึ่งทำให้ไลน์ขนมเหล่านั้นขาดเอกลักษณ์ไป

ไลน์ขนมหวานในช่วง ซันเดย์บรันช์ นอกจากจะมีเค้กและขนมหวานที่เป็นเค้กชิ้นใหญ่แล้ว ยังมีขนมหวานพิเศษที่ทำเป็นถ้วยๆพอดีคำอีกด้วย และรวมไปถึงขนมหวานไทย ซึ่งปัจจุบันถือว่าหากินค่อนข้างยาก แต่ที่นี่มีให้ทานครบ และปรุงรสไม่ให้หวานจนเกินไปอีกด้วย

ใจจริงอยากลองให้หมดทุกอย่างแต่ไม่ไหวจริงๆ แต่ที่ได้ลองไปก็ถือว่าไม่น้อยเลย 555 สำหรับของหวานที่นี่จุดเด่นคือความเบา คือเป็นขนมที่ทำรสชาติได้เข้มข้นแต่ว่าเบาไม่หนักท้อง ข้อดีคือกินได้เยอะ ข้อเสียคืออ้วน 5555 ซึ่งเมนูแต่ละวันจะสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อยๆ

สำหรับเรื่องน้ำดื่มนั้นจะให้เลือก 2 แบบ คือ Free Flow ซอฟท์ดริ๊งค์ (โคลา แฟนต้า) และน้ำผลไม้ ในราคา 150++ แต่หากต้องการมากกว่านั้นราคาจะเป็น 650++ ซึ่งเป็นแบบเต็มที่สามารถสั่งเมนูต่างๆจากบาร์เทนเดอร์ได้ทั้งหมด (ไม่สามารถสั่งน้ำเปล่าเฉยๆทานได้นะครับ ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น)

บทสรุป SUNDAY BRUNCH @ LE MERIDIEN SUVARNABHUMI

สำหรับ Sunday Brunch @ Le Meridien Suvarnabhumi นั้นถือเป็นพรีเมี่ยมบุฟเฟ่ต์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพของวัตถุดิบที่ดีบวกกับความใส่ใจในการปรุงอาหารทำให้ที่นี่ถือเป็นหนึ่งในห้องอาหารที่ต้องมาลองซักครั้งหนึ่ง

• ส่วนของ Live Station นอกจากจะใช้วัตถุดิบที่ดีสดใหม่แล้ว อาหารแต่ละจานจะเป็นการปรุงใหม่ตามออร์เดอร์ทุกครั้ง ไม่มีการทำไว้ล่วงหน้า เชฟใส่ใจในการแต่งจานทุกๆจาน และทุกเมนู
• ส่วนของ  Seafood on Ice อาหารมีความสดใหม่และข้อสำคัญมีน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบไทยๆรสชาติจัดจ้านให้ทานด้วย
• ส่วนของ BBQ อาหารสดมาก แต่น่าเสียดายที่ที่นี่จำกัด Lobster แค่คนละครึ่งตัวเท่านั้น
• ส่วนของขนมปังสลัดและชีส มีความหลากหลายมากๆ
• ส่วนของอาหารญี่ปุ่น ปลาดิบทุกเมนูล้วนแต่เป็นปลาดิบเกรดพรีเมี่ยม สดใหม่ และให้อย่างไม่มีกั๊กซูชิแต่ละชิ้นหน้าล้นทั้งนั้น
• ของหวาน มีความหลากหลายและอร่อย เบา เข้มข้นและไม่หวานจนเกินไป
• สามารถใช้บริการสระว่ายน้ำได้โดยไม่ต้องพักที่โรงแรม

สนนราคาเต็ม เฉพาะค่าอาหารอยู่ที่ 2,050++ โดยที่ ราคารวมจะเป็น 2,200++ ถ้าสั่ง Free Flow Softdrink แม้ราคาอาจจะดูแพง แต่ที่จริงแล้วห้องอาหารแห่งนี้มีโปรร่วมกับบัตรเครดิตต่างๆ ที่มีส่วนลดค่าอาหารระหว่าง 15-50% เลยทีเดียว

ซึ่งราคานี้แค่มากินเฉพาะส่วน Live Station ก็คุ้มเกินคุ้มแล้วครับ

โปรโมชั่นต่างๆสามารถตรวจสอบได้จาก Line ของโรงแรมได้เลยครับ ที่ @LM Suvarnabhumi

Sparkling Sunday Brunch เปิดบริการทุกวันอาทิตย์ 12:00-15:00

ข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่ : http://www.latestrecipebkk.com

หรือหากใครต้องการดูห้องเพื่อเข้าพักสามารถเช็คได้ดังนี้

เช็คราคาและจองที่พักผ่าน Agoda.com

เช็คราคาและจองที่พักผ่าน Expedia.co.th

Voucher Code ลด 10% ของ expedia.co.th 

• KBANKEXPHOTEL4
• KTCEXP10
• KTCEXP1502