Dec-2015
เที่ยวงานคริสต์มาส “จันทบุรี” ความลงตัวทางวัฒนธรรมที่สวยงาม
เที่ยวงานคริสต์มาส “จันทบุรี” ความลงตัวทางวัฒนธรรมที่สวยงาม
จะดีมั๊ยที่งานรื่นเริงและงานทางศาสนาสามารถรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ งานรื่นเริงที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกับพิธีกรรมทางศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์สวยงามได้รวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้วที่งานคริสต์มาสในจังหวัดจันทบุรี
ช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้มีโอกาสเดินทางไปจังหวัดๆหนึ่งที่ผมผูกพันธ์มากเป็นพิเศษในปีนี้
เพราะเป็นหนึ่งจังหวัดที่ผมได้มีโอกาสรับใช้ชาติ
ในการเข้าร่วมโครงการในการโปรโมต 12 เมืองต้องห้ามพลาด ใช่ล่ะครับ
จังหวัด “จันทบุรี” นี่เองครับ
จังหวัดที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่กลับเป็นจังหวัดที่มีอะไรดีๆมากกว่ากว่าที่คิด
มีอะไรดีมากน้อยขนาดไหนดูจากรีวิวนี้ได้เลยคร้าบบบบ
Chanthaburi in love.. หลงเสน่ห์จันทบุรี สวนสวรรค์ร้อยพันธุ์ผลไม้
สำหรับการออกเดินทางในครั้งนี้ ผมไปจันทบุรีเป็นครั้งที่สามของปี
เพื่อไปชม “Merry Christmas @ Midnight”
ซึ่งจะมีการยิงไฟ 3D Animation Mapping บทผนังอาสนวิหาร
เป็นครั้งแรกครับ โดยเป็นการจัดร่วมกับ พิธีมิสซา ในค่ำคืนวันคริสต์มาสอีฟนั่นเองครับ
เอาล่ะครับพร้อมแล้วออกเดินทางไปพร้อมๆกันเลยครับ
เดินทางสู่จังหวัดจันทบุรีด้วยรถตู้บขส.
การเดินทางครั้งนี้เนื่องจากผมกะจะไปเน้นๆที่ตัวเมืองอย่างเดียว
ครั้งผมเลยลองเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะดูบ้างครับ
ผมเลือกที่จะขึ้นรถตู้ไปครับ ซึ่งเราสามารถขึ้นได้ทั้งจากหมอชิตและอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ผมเลือกไปที่อนุสาวรีย์ครับ ที่นี่จะมีวินรถตู้อยู่ฝั่งห้าง Center One
หรือทางรถที่จะมุ่งไปทางถนนพญาไท ได้นั่นล่ะครับ
วินที่นี่หลังคสช.มาจัดการแล้วถือว่าทำได้ดีเลย มีการตั้งโต๊ะและระบุค่าโดยสารชัดเจน
สำหรับการไปจันทบุรีก็สนนราคาอยู่ที่ 200 บาท
รถจะออกทุกๆชั่วโมงครับ ตั๋วเหลืองนี่ถ้าสะสมครบ 10 ใบจะนั่งฟรี 1 เที่ยวด้วย
อ้อถ้าใครมีของเยอะ รถไม่มีที่เก็บให้นะครับ เราต้องถือกับตัวตลอด
ถ้าอยากวางต้องซื้อที่นั่งเพิ่มเองครับ
จาก กทม.ไปจันท์ หลับเพลินๆราว 4 ชม.ก็ถึงครับ
รถตู้จะไปจอดที่ โลตัส จังหวัดจันทบุรี แต่เราสามารถให้เขาไปส่งเราที่สถานีขนส่งจังหวัดจันทุบรีได้
ซึ่งจากขนส่งฯ จันทบุรี เดินไป 1 กม.ก็จะถึงชุมชนริมน้ำ
ซึ่งเป็นที่พักของผมในครั้งนี้ครับ
โอริว บะหมี่ฮ่องกงเกี๊ยวตู้ม
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เพราะตลอดระยะเวลา 4 ชม.จาก กทม.
รถตู้มีแวะปั๊มเติมแก๊ส 1 ครั้งเท่านั้น ผมไปถึงจันท์ตอนบ่ายสองนี่แบบว่าหิวโซมาก
หลังจากรถไปส่งที่ขนส่งก็เลยเดินตรงดิ่งไปที่พัก แล้วกะว่าเจอร้านไหนก่อนก็จัดเลย
สุดท้ายก็ได้ร้านใกล้ๆขนส่งนี่ล่ะครับกับร้าน “โอริว” บะหมี่ฮ่องกง
แบบว่าตอนถึงร้านมือไม้สั่น หิวสุดๆ 5555
ร้านนี้ของเด็ดของเค้าคือบะหมี่ฮ่องกงนี่ล่ะ ซึ่งเด็ดตรงเกี๊ยวกุ้ง ที่ชิ้นตู้มๆ ใหญ่มว๊าก
ไส้ข้างในก็ใช้กุ้งตัวโต เต็มคำมาก แต่ชามแอบเล็กไปหน่อย ชามนี้สนนราคาอยู่ที่ 60 บาท
ไม่ๆ แค่นี้ยังไม่อิ่มเลยสั่งอาหารพื้นเมืองอีกอย่างหนึ่งของจันทบุรี
นั่นคือ “ข้าวพริกเกลือ” จานนี้ก็ 60 บาทเช่นกันครับ รสชาติส่วนตัวผมว่าเฉยๆนะ
แต่ที่กินเพราะอยากลองเพราะเห็นว่าเป็นอาหารพื้นถิ่นของคนที่นี่ครับ
บ้านพักประวัติศาสตร์ หลวงราชไมตรี .. ที่ที่สายน้ำจะไหลย้อนกลับ
สำหรับที่พักในการไปจันทบุรีครั้งนี้ ผมยังคงเลือกที่จะไปพักที่
บ้านพักประวัติศาสตร์ หลวงราชไมตรี เช่นเคยครับ
เพราะหลังจากได้ไปพักครั้งแรกในช่วงที่ไปเที่ยวกับนิตรสาร Barefoot
ก็รู้สึกว่าที่นี่เป็นที่พักที่เก๋ และเทห์มากๆ
เพราะที่นี่ไม่ได้เป็นที่พักแบบการค้า แต่เป็นที่พักที่แบบ Social Enterprise
ที่ทำขึ้นมาเพื่อการอนุรักษ์ของชาวชุมชนจันทบูรนั่นเองครับ
ครั้งนี้ผมเข้าพักที่ห้องอีสต์เอเชียติค
ซึ่งเป็นเรื่องราวของบริษัทคู่ค้าสำคัญของหลวงราชไมตรี
ในการส่งสินค้าเมืองจันท์ออกสู่ตลาดโลก
ห้องนี้ถือเป็นหนึ่งในสามห้องที่ดีที่สุดของที่พักแห่งนี้ครับ
สำหรับรีวิวเต็มๆของที่นี่สามารถดูได้จากที่นี่เลยคร้าบบบบ
บ้านพักประวัติศาสตร์ หลวงราชไมตรี .. ที่ที่สายน้ำจะไหลย้อนกลับ
สำหรับเพื่อนๆที่อยากจะจองที่พักสามารถจองได้เลยครับ
จองผ่าน Agoda จองผ่าน Booking จองด้วยการโทรจองที่บ้านพักโดยตรง
งานคริสต์มาสชาวจันท์ ความลงตัวงานรื่นเริงและพิธีกรรมทางศาสนา
ที่เมืองจันทบูร หรือจันทบุรีถือเป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก
เพราะในสมัยก่อนที่นี่ถือเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญ
ของพื้นที่ทางภาคตะวันออกของประเทศไทย
รวมไปถึงที่นี่ยังเป็นแหล่งค้าพลอยที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
เลยทำให้ที่นี่มีผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติมาอาศัยอยู่ที่นี่
ไม่ว่าจะชาวพุทธ คริสต์ อิสลามล้วนอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนและลงตัว
ขาวเมืองแต่ละศาสนาก็จะมีศูนย์รวมจิตใจในศาสนาของตัวเอง
ซึ่งสำหรับชาวคริสต์แล้ว โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล
จึงเป็นศูนย์กลางของชาวคริสต์ซึ่งไม่เพียงแต่ชาวจันท์
แต่ที่นี่ถือเป็นศูนย์กลางของชาวคริสต์ในภาคตะวันออกเลยครับ
และแน่นอนสำหรับคืนวันที 24 ธันวาคม ที่เป็นวันสำคัญของชาวคริสต์
จึงมีการจัดงานกันที่นี่ครับ ซึ่งก็ไม่ใช่ว่ามีเฉพาะชาวคริสต์ที่มาร่วมในงานนี้
แต่ที่นี่ก็มีชาวพุทธซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศมาเข้าร่วมงานในครั้งนี้อย่างมากมายเลย
ซึ่งงานที่จัดขึ้นนั้น ก็ไม่ได้เป็นการจัดงานไปในทางใดทางหนึ่ง
คือตัวงานเองนั้นมีทั้งส่วนที่เป็นงานรื่นเริง หรือพูดง่ายๆคือ “งานวัด”
แต่ในงานวัดนั้นในบางช่วงเวลาที่เป็นช่วงเวลาทางศาสนา ทางผู้จัดงานก็สามารถแทรกงาน
ทั้งงานศาสนา และงานรื่นเริงเข้าด้วยกันได้ลงตัวมากๆครับ
ซึ่งผมว่ามันเป็นตัวอย่างที่ดีที่ทำให้เราเห็นว่า งานศาสนา และงานรื่นเริง
เป็นงานที่สามารถจัดควบคู่ไปด้วยกันได้
เพียงแค่ผู้จัดงานของ 2 งานต้องเป็นผู้จัดเดียวกัน หรือมีการร่วมมือกันในการจัดงาน
ไม่ใช่แบบว่าต่างคนต่างจัดครับ
สำหรับตัวงานวัด ก็มีการจัดซุ้มน่าสนใจมาก…
คือมีซุ้มอุโมงค์ไฟมาเป็นตัวเรียกแขก โอเคว่าอาจจะไม่สวยเท่าที่ญี่ปุ่น
แต่ผมมองว่ามันก็น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับคนทั่วไปล่ะครับ
ส่วนบริเวณรอบโบสถ์ก็จะมีการจัดซุ้มที่เกี่ยวกับงานวันคริสต์มาส
ซึ่งจากบรรยากาศงานรื่นเริงแล้ว
มันทำให้ผมนึกย้อนไปถึงสมัยเด็กช่วงประถมที่ผมเรียนโรงแรียนคริสต์
แล้วจะต้องมีงานโรงเรียนทุกปีในช่วงวันคริสต์มาส
สิ่งที่ขาดไม่ได้ของงานคือซุ้มขายของกิน ของใช้ และเวทีกิจกรรมแสดงต่างๆ
ก็มีอยู่ในงานเช่นกันครับ
สำหรับงานพิธีทางคริสต์นั้นจะเริ่มราวๆ 2 ทุ่มครับ
ช่วงก่อนนั้นผมได้มีโอกาสเข้าไปชมความงามภายในอาสนวิหาร
ซึ่งการเข้าชมภายในเนื่องจากเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงต้องสำรวม
จะเข้ามาถ่าย Selfie ยิ้มแย้มแอ๊คท่าอะไรแบบนี้ไม่ได้
แต่ยังสามารถยกกล้องมาถ่ายทั่วไปได้ หากไม่ได้อยู่ในช่วงพิธีกรรมครับ
ซึ่งในระหว่างพิธีกรรมนั้น ถึงเราไม่ใช่ชาวคริสต์
เราก็สามารถเข้าไปร่วมพิธีกรรมได้นะครับ
ซึ่งผมได้นั่งอยู่ภายในซักพักหนึ่งก่อนที่พิธีกรรมจะเริ่ม ก็พบว่าในนี้สงบมาก
คือไม่ได้หมายถึงว่ามันเงียบนะครับ แต่รู้สึกว่าภายในอาสนวิหารมันขลังและทำให้จิตใจเราสงบดีครับ
ซึ่งพอถึงช่วงพิธีทางศาสนา งานแสดงที่เวทีภายนอกก็หยุดลง
ส่วนผมเองก็ไปหาทำเลเตรียมชมการแสดง 3D Animation Mapping
ซึ่งจะมีหลังจากงานพิธีเสร็จสิ้นครับ
หลังจากเสร็จพิธีมิสซาตอนราวๆ 4 ทุ่มภายนอกก็กลับมาเป็นงานรื่นเริงอีกรอบ
มีการเปิดไฟต้นคริสต์มาส มีขบวนพาเหรดของโรงเรียนต่างๆ
และปิดท้ายด้วยพาเหรดซานต้าครับ
Santa is coming to town…
หลังจากหมดพาเหรดก็เข้าสู่ไฮไลท์ของงานล่ะครับ
นั่นคืองานแสดง 3D Animation Mapping บนอาสนวิหารฯ
สำหรับส่วนตัวแล้วผมว่าผู้จัดงานทำได้ดีมากๆครับ การยิงไฟและมัลติมีเดียเข้ากันมาก
สำหรับผมผมว่าทำได้ดีกว่าที่พวกไฟที่แสดงที่สิงคโปร์ด้วยซ้ำ
แต่ก็แอบรู้สึกว่ามีบ้างที่ การเลือกเพลงไม่เข้ากับตีมงานเท่าไหร่
แบบว่าแอบมีเพลงแด๊นซ์ ผสมมาด้วยซึ่งผมว่ามันไม่เข้ากับงานคริสต์มาสเท่าไหร่
แต่โดยรวมแล้วผมชอบมากกกกกก
หลังจากการแสดง 3D Animation Mapping จบลงก็เป็นการจุดพลุ
ตอนเที่ยงคืนที่เข้าสู่วันคริสต์มาสพอดีครับ
จริงๆแล้วตัวงานนั้นจะมีการจัดแสดง 3D Animation Mapping 2 วันครับคือวันที่ 24 และ 25
ซึ่งถ้าใครอยากมาดูการแสดงเฉยๆ ผมแนะนำให้มาวันที่ 25 ครับคนจะน้อยกว่า
แต่สำหรับพลุโดยทั่วไปจะจุดเฉพาะวันที่ 24 ตอนเที่ยงคืน
ก็อารมณ์เดียวกับการเค้าท์ดาวน์ปีใหม่นั่นล่ะครับ
แต่บางปีอย่างปีที่ผ่านมาจะมีการจุดรอบพิเศษให้คนชอบถ่ายรูปถ่ายอีกรอบ
ในวันที่ 25 ตอน 4 ทุ่มครับ ที่บอกว่าจุดให้คนชอบถ่ายรูป
เพราะว่าเค้าจะจุดแบบเว้นช่วงระหว่างนัดให้ถ่ายรูปเน้นๆเลยครับ
ต่างจากคืนแรกที่จะจุดแบบรวดเดียวแบบแนวเฉลิมฉลองมากกว่าครับ
งานดีๆแบบนี้ถ้ามีโอกาสปี 2016 ผมไม่พลาดแน่ครับจะกลับมาร่วมงานแบบนี้อีกครั้งแน่นอน
ตลาดพลอย แหล่งค้าอัญมณีที่ใหญ่ที่สุดของโลก
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าตลาดค้าอัญมณีที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นอยู่ที่เมืองจันทบุรีประเทศไทยนี่เองครับ
แม้ว่าปัจจุบันพลอยเมืองจันท์อาจจะไม่ได้มีมากมายเท่าสมัยก่อน
แต่ที่นี่เป็นแหล่งรวมของช่างอัญมณีที่ดีที่สุดในโลกครับ
จึงทำให้ตลาดพลอยนั้นยังคงคึกคักเช่นเดิมเหมือนในอดีต ทุกบ่ายวันศุกร์ และวันเสาร์อาทิตย์
จะเป็นวันที่ช่างพลอย และพ่อค้าพลอยมาพบเจอเพื่อเทรดอัญมณีกัน
ซึ่งที่นี่จะมีพวกแขกขาว และชาวแอฟริกา นำอัญมณีดิบจากประเทศต้นทาง
มาขายที่นี่ โดยช่างก็จะเปิดโต๊ะรับซื้อ ซึ่งแต่ละวันก็จะรับซื้อแตกต่างกัน
ตามออร์เดอร์ที่มีเข้ามาครับ โดยทั่วไปเค้าจะมีการแปะป้ายที่โต๊ะไว้
ว่าต้องการพลอยอะไรยังไง แล้วใครที่มีของก็จะเอามาขาย
ก็จะมีการตรวจสอบคุณภาพต่อรองราคากันตรงโต๊ะค้าพลอยนี่เลยครับ
สำหรับใครที่อยากซื้อพลอย ซื้ออัญมณีแต่ไม่มีความรู้ด้านการดูอัญมณี
ผมแนะนำให้เพื่อนๆไปดูที่ ศูนย์รวมอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี
เพราะอัญมณีที่นี่จะมีการรับรองว่าเป็นของแท้แน่นอน 100% ครับ
โดยอัญมณีที่ผ่านการรับรองจะมีตรา Ploychan ครับ
ก็เป็นอันจบทริปสั้นๆตะลุยเมืองจันท์ของผมซึ่งเป็นครั้งที่สามในปี 2015 ที่ผ่านมาครับ
ส่วนตัวก็อย่างที่ผมเคยพูดไปครับ ว่าจันทบุรีอาจจะไม่ใช่เป็นเมืองท่องเที่ยวหลักก็จริง
แต่ที่นี่เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ และสามารถท่องเที่ยวได้ทั้งปี
โดยเฉพาะคนที่ชอบท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์
ที่จันทบุรีแห่งนี้มีให้อย่างครบถ้วนเลยครับ
สำหรับปี 2016 แน่นอนว่าผมจะหาโอกาสไปยังเมืองเล็กๆน่ารัก
อย่างจันทบุรีแน่นอนครับ
ใครสนใจจะไปเที่ยวจันทบุรี
ลองดูโรงแรมที่พักได้เลยนะครับ ตอนนี้ expedia.co.th มี Code ลดราคาอยู่
โดยกรอกโค้ด KTCEXP1502 ตอนจ่ายเงินจะได้ลดราคาที่พัก 10% ครับ
Code นี้สามารถใช้จองได้ถึง 30 มิ.ย. 59
และสามารถเดินทางได้ถึง 30 กย. 59