Jan-2016
สัดส่วนรายได้งาน “สต๊อก” แยกตาม Agency ปี 2015
สัดส่วนรายได้งาน “สต๊อก” แยกตาม Agency ปี 2015
รวบรวมสัดส่วนรายได้งาน “สต๊อก” แยกตามเอเยนซี่ในปี 2015 เพื่อใช้เปรียบเทียบเพื่อและเป็นข้อมูลในการเลือกส่งงานเอเยนซี่ต่างๆ ประจำปี 2016
สัดส่วนรายได้ Photo Vs Footage
ปี 2015 เป็นปีแรกที่สัดส่วนรายได้ของผมเปลี่ยนไปคือ
รายได้จาก Footage แซงรายได้จาก Photo ที่ 53.17 : 46.83
นั่นแปลว่าสำหรับคนที่เริ่มเข้าวงการแล้วเป็นมือใหม่และมองรายได้เป็นที่ตั้ง
ให้เริ่มทำจากงาน Footage ไปเลยจะทำให้ยอดรายได้ไปเร็วกว่า
แต่ข้อควรระวังคือ การขาย Footage ใช้เวลาในการสร้างพอร์ตที่นานกว่าภาพนิ่ง
สัดส่วนรายได้ของ “สต๊อก” ภาพนิ่ง
สำหรับงานสต๊อกในส่วนของภาพนั้นปี 2015
เป็นปีที่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่าง เป็นช่วงปีที่งานภาพนิ่งเริ่มเข้าสู่ ยุครุ่งเรืองของธุรกิจ
และเป็นยุคที่จะเริ่มเกิดปรากฎการณ์ “ปลาใหญ่กินปลาเล็ก”
กล่าวคือ บริษัทขนาดกลางและเล็กจะเริ่มควบรวมกิจการ หรือปิดให้บริการลง
ยอดขายจะไปกระจุกตัวอยู่ที่บริษัทใหญ่ๆเท่านั้น
โดยบริษัทขนาดกลางที่จะอยู่ได้คือ บริษิทที่มีจุดเด่นที่ชัดเจน
ซึ่งในวงการสต๊อกนั้น หาจุดเด่นจากผลิตภัณฑ์ได้ยาก
เพราะของที่ขายคือภาพที่มาจาก Contributor
ดังนั้นภาพแต่ละเอเยนซี่จึงเหมือนกัน
ดังนั้นจุดเด่นของเอเยนซี่ขนาดเล็กจึงเกิดจากบริการ และความได้เปรียบด้านภูมิประเทศนั่นเอง
ถ้าแบ่งรายได้เป็น 3 กลุ่มคือ Top5 : Tier 2 : Tier 3
โดยที่ Tier 2 หมายถึงเอเยนซี่ที่มีสัดส่วนรายได้ระหว่าง 1.5% – 5%
และ
Tier 3 คือกลุ่มที่มีรายได้ < 1.5% แล้วสัดส่วนรายได้ทั้งหมดจะเป็นไปตามภาพนี้
ดังนั้นจะเห็นว่าในช่วงแรกเราควรเน้นที่การทำงานในกลุ่ม Top 5 ให้ดีเสียก่อน
แต่ถ้ามีรายได้ที่ดีระดับหนึ่งแล้วการเพิ่มเอเยนซี่ใน Tier 2
ก็จะทำให้รายได้เราเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว
รายชื่อและลิงค์เอเยนซี่เรียงตามยอดขาย (ของภาพนิ่ง)
สำหรับรายละเอียดของรายได้ของเอเยนซี่แต่ละแห่งเรียงตามลำดับของยอดขาย
เป็นไปตาม List ข้างล่างนี้ครับ
ซึ่งหากเพื่อนๆสนใจสมัครเอยเนซี่ใดเพิ่มเติม สามารถกดที่ชื่อเอเยนซี่นั้นๆได้เลยครับ
โดยที่ผมได้ใส่สีแต่ละเอเยนซี่ไว้ซึ่งมีความหมายคือ
“สีเขียว” คือเอเยนซี่ที่ลำดับสัดส่วนรายได้ดีขึ้นจากปี 2014
“สีเหลือง” คือเอเยนซี่ที่ลำดับสัดส่วนรายได้คงที่จากปี 2014
“สีแดง” คือเอเยนซี่ที่ลำดับสัดส่วนรายได้แย่ลงจากปี 2014
= = = = = = = = =Top 5 = = = = = = = = =
1. Shutterstock — Photo / Video 42.78%
2. iStockphoto — Photo / Video 11.62%
3. Fotolia — Photo / Video 11.36%
4. 123RF — Photo / Video 7.60%
5. Dreamstime — Photo / Video 4.29%
= = = = = = = = =Tier2 = = = = = = = = =
6. Free Digital Photos — Photo 3.55%
7. DepositePhoto — Photo / Video 3.15%
8. Big Stock — Photo 2.40%
9. Envato (Photodune/VideoHive) — Photo / Video 2.01%
10. Pixta stock — Photo / Video 1.81%
11. Alamy — Photo 1.78%
12. Sign Elements — Photo 1.51%
= = = = = = = = =Tier3 = = = = = = = = =
13. CanStockPhoto — Photo / Video 1.31%
14. Pond5 — Photo / Video 0.82%
15. Pantherm Media — Photo 0.79%
16. Veer — Photo 0.72%
17. Colour Box — Photo / Video 0.67%
18. Zoonar — Photo 0.55%
19. Stockfresh — Photo 0.40%
20. Photokore — Photo 0.27%21. FeaturePics — Photo 0.24%
23. YAY Micro — Photo 0.10%
24. GL Stock Image — Photo 0.06%
25. Photaki — Photo 0.04%
26. Pixmac — Photo 0.04%
27. CutCaster — Photo 0.01%
บทสรุป
- ในปี 2015 ที่ผ่านมาเอเยนซี่ที่ปิดตัวไปมี 2 แห่งคือ Photokore (ย้ายรูปไปที่ Gettyimagebank แทน) และ Pixmac ที่ Pond 5 มาซื้อกิจการไป
- ควรส่งทุกเว็บที่เป็น Top 5
- สำหรับ เอเยนซี่ระดับกลางที่มีจุดเด่นและน่าสนใจในปี 2016 ที่ยอดขายน่าจะเพิ่มขึ้นได้โดยง่ายคือ Sign Elements และ Pixta stock
ซึ่ง Sign Elements เป็นเว็บสัญชาติ UK และ Pixta stock เป็นเว็บสัญชาติญี่ปุ่น ทั้งคู่ที่มีจุดเด่นคือความแข็งแกร่งในภูมิภาคของตนเองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ Pixta stock ที่ลูกค้าชาวญี่ปุ่นส่วนมากแล้วนิยมซื้อภาพจากเว็บไซต์ญี่ปุ่นด้วยกันเอง จากความชาตินิยม รวมไปถึงเรื่องภาษาด้วย ทำให้แม้ Pixta stock จะมีภาพเพียง สิบกว่าล้านภาพกลับสร้างยอดขายได้อย่างน่าประทับใจ
- ส่วนเว็บที่รายได้ไม่ดีแต่ควรส่งคือ Most Photos เพราะมีจุดเด่นในเรื่องการ Backup ไฟล์ที่เราสามารถโหลดไฟล์ทั้งหมดกลับมาได้ด้วยคลิกเดียว
- Footage มาแรงมากหากเน้นรายได้ควรทำมากกว่าภาพนิ่ง