Oct-2014
พักผ่อนท่ามกลางกลิ่นอายแดนผู้ดี Thames Valley Khao-Yai
Thames Valley Khao-Yai
พักผ่อนท่ามกลางกลิ่นอายแดนผู้ดี
สวัสดีเพื่อนๆทุกคนครับ ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสพาคุณภรรยาไปเที่ยวฉลองวันเกิด (ของผม) กันที่เขาใหญ่มาครับโดยทริปนี้ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย ไปแบบว่าไปพักผ่อนอย่างเดียวครับ ไปนอนเล่นและพักผ่อนที่รีสอร์ทอย่างเดียวเลยครับ ซึ่งครั้งนี้ผมเลือกที่จะไปที่ Thames Valley Khao-Yaiโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ ครับ
ที่โรงแรมแห่งนี้มีการตกแต่งโดยใช้ Concept ว่า English-style countryside hotel ทั้งตัวตึก และการตกแต่งต่างๆ เมื่อเราเดินเข้าไปแล้วประหนึ่งว่าได้หลุดไปอยู่ที่อังกฤษจริงๆครับ ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้มากความครับผมขอพาเพื่อนๆไปผักผ่อนด้วยกันที่ Thames Valley Khao-Yai กันเลยครับ
มุ่งหน้าสู่เขาใหญ่.. แวะกิน Rex’s Steakhouse ที่ปากช่อง
สำหรับการไปเขาใหญ่ ก็ไปทางที่ทุกท่านคุ้นเคยครับคือไปตามถนน พหลโยธินจนถึง สระบุรี
แล้วก็ตัดเข้าถนนมิตรภาพครับ วันที่ไปก็ขับกันไปชิวๆครับ โดยไปแวะทานข้าวกลางวันกันที่ อ.ปากช่องครับ
โดยรอบนี้ผมไปแวะทานข้าวกันที่ร้าน Rex’s Steakhouse ครับ
ร้าน Rex’s Steakhouse อยู่ที่พิกัด 14.685776, 101.404613
ถ้ามาจาก กทม. แยกเข้าปากช่องไปประมาณ 4 กม. อยู่ทางขวามือครับ
ร้านจะต้องเข้าซอยไปนิดนึง หน้าร้านจะประมาณนี้ครับ
ในร้านจะแต่งด้วยไม้แบบโปร่งๆครับ
หลังจากสั่งอาหารกันแล้วร้านจะเสิร์ฟ Starter เป็นสลัดผัก และ ขนมปังครับ
แล้วผมก็จัด Buffalo Wing มาเป็นออร์เดิร์ฟครับ
จานนี้แอบไม่ประทับใจ แป้งหนาและรู้สึกว่าทอดมาไม่สุกบางส่วนอ่ะครับ
ส่วนเมนคอร์ส ของผมเป็น New York Steak และคุณภรรยาเป็น Pork Chop
Thames Valley Khao-Yai: ที่พักท่ามกลางกลิ่นอายแดนผู้ดี
หลังจากทานอิ่มมื้อกลางวันกันแล้วผมก็ขับรถไปที่โรงแรมครับ
ซึ่งก็ไม่ยากเลยครับ ขับมาทางถนนธนะรัชต์ (ถนนที่ตรงเข้า อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นั่นหล่ะครับ)
โรงแรมจะอยู่ขวามือที่ กม.18 ครับ โดยสังเกตุง่ายๆคือเลย Palio ไปประมาณ 1 กม. เท่านั้นครับ
พิกัด GPS 14.535250, 101.383428
หลังจากจอดรถเป็นที่เรียบร้อยทาง รปภ. จะมาสอบถามว่าเรามาพักหรือมาทานอาหารครับ
ถ้ามาพักเค้าจะให้เจ้าหน้าที่มารับกระเป๋า เพื่อจะนำไปให้เราที่ห้องพักครับ
จากนั้นผมก็เดินเข้าไปที่โรงแรมครับ ก็จะเจออาคารหลังเล็กๆ เป็น lobby ของโรงแรมครับ
มองหันจากอาคารไปทางด้านหน้าครับ
จากนั้นก็ลงทะเบียนให้เรียบร้อยครับ โดยทั่วไปถ้าเราจองมาก่อน
ทางโรงแรมจะแบบฟอร์มที่ใส่ข้อมูลเท่าที่เค้ามีให้เราแล้วครับ
เรามากรอกข้อมูลเพิ่มเติมเฉพาะส่วนที่เหลือเท่านั้นครับ
ด้านหลัง Lobby จะมีประตูรั้วสวยๆ กั้นอยู่ครับ
โดยที่โซนหลังประตูนั้นจะให้เข้าเฉพาะผู้ที่มาพักที่โรงแรมเท่านั้นครับ
ส่วนผู้ที่มาทานอาหารที่ห้องอาหาร The Castle Restaurant นั้นจะเดินไปอีกทางหนึ่งครับ
ซึ่งเดี๋ยวผมค่อยพูดถึงทีหลังนะครับ
วันที่ไปนั้นผมไปกับเพื่อนอีก 6 คนครับ ระหว่างที่เราให้คนมากันครบ
ผมเลยไปเดินเล่นถ่ายรูปในโรงแรมมาก่อนครับ
ตัวโรงแรมนั้นจะมีคลองเป็นตัวเอกทอดตัวยาวอยู่ทั้งโรงแรมครับ
เดาเอาเองว่า เป็นตัวแทนของแม่น้ำ Thames ที่อังกฤษครับ
ตัวอาคารของโรงแรมก็จะตกแต่งในไสตล์ของดินแดนผู้ดีอังกฤษครับ
หันกลับมาทางด้านหน้าจะเห็นห้องชา (Tea Room) ของโรงแรมตั้งเด่น สะท้อนน้ำอย่างสวยงามอยู่ครับ
Clotted cream Tea Room: English High Tea
หลังจากเพื่อนๆผมมากันครบเราก็ไปนั่งจิบน้ำชายามบ่ายหรือ English High Tea กันครับ
ที่โรงแรมจะมีห้องชาชื่อ Clotted cream Tea Room ซึ่งอยู่ติดกับห้องอาหาร The Castle Restaurant นั่นหล่ะครับ
ช่วงที่ผมไปทางเข้าตรงห้องชาปิดครับ เค้าให้ไปเข้าทางเดียวกับห้องอาหารครับ
มา Tea Room แต่ไม่ได้สั่งน้ำชามากิน เนื่องจากร้อนมาก 5555
แต่แดดที่ว่าร้อนๆนี้ก็เป็นแดดช่วงเดียวที่มีในตลอดระยะเวลา 3 วันที่ผมอยู่ที่โรงแรมครับ
เลยสั่งเป็น Smoothie มาทานกันครับตกแก้วละ 150 บาทครับ
แก้วแรกเป็น The Castle ซึ่งเป็น Signature ของที่นี่ครับ
ซึ่งเป็น Strawberry Yogurt นมสด และ น้ำหวานครับ
ส่วนอีกแก้วเป็น Very Berry ครับ เป็น Raspberry Strawberry Cranberry Yogurt แล Syrup ครับ
ส่วนขนมสั่งมาแบ่งกันทานครับมี High Tea Set และ Mille Feuille
หลังจากจิบชา (สมูทตี้) ยามบ่ายกันเสร็จเราก็แยกย้ายไปพักผ่อนกันครับ
ซึ่งในครั้งนี้ผมได้มาพักที่ห้องแบบ Deluxe ซึ่งเป็นห้องขนาดเล็กที่สุดของโรงแรม มีขนาด 40 ตารางเมตรครับโดยห้อง Deluxe ที่โรงแรมทั้งสิ้นสามแบบตามจุดที่ตั้งครับ
- Deluxe Highgarden
- Deluxe upon Thames
- Deluxe Pond
ห้องที่ผมพักเป็น Deluxe Highgarden ซึ่งเป็นห้องที่อยู่ชั้นล่างของอาคารครับ
โดยห้องนี้การตกแต่งได้แรงบันดาลใจจาก โรงทำขนมปังแบบชานเมืองของอังกฤษครับ
พวกของตกแต่งก็จะเป็นอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการทำขนมปัง รวมไปถึงต้นข้าวสาลี ครับ
พอเข้าห้องมาจะมี Greeting Card จากโรงแรมวางอยู่บนเตียงครับ
บริเวณทางเข้าห้องนั้นจะเป็นโซนรับแขกมี Sofa Bed ตัวโตให้นั่งเล่นครับ
ป้าย Do not Disturb ทำได้น่ารักดีครับโดยเอาไม้ที่เหมือนที่รองนวดขนมปังมาทำครับ
ส่วนที่เป็นเตียงนอนก็เป็นเตียง King Size พร้อมชุดหมอน 4 ใบครับ
เตียงที่นี่ดีเลยครับ นุ่มแต่ไม่ยวบครับ นอนสบายมากไม่ปวดหลังเลยครับ
ทีวีเป็น LED เครื่องใหญ่เบ้งครับ ในห้องมี Wifi ให้ใช้ทุกห้องครับ
ซึ่งจากที่ถามเป็นอินเตอร์เนตของ CAT ครับ
ด้านหลัง TV ก็จะเป็นส่วนของห้องน้ำครับ
ซึ่งห้องน้ำของห้องแบบ Deluxe จะเป็นฝักบัวอย่างเดียวนะครับ ไม่มีอ่างอาบน้ำให้ครับ
ผมชอบกลิ่นของสบู่แชมพูที่นี่ครับ เป็นกลิ่นสมุนไพร ซึ่งกลิ่นอ่อนๆกำลังดี ไม่แรงเกินไปครับ
อ้อที่นี่แยกส่วนห้องส้วมและห้องอาบน้ำด้วยครับ
ที่มุมปลายเตียงจะมีประตูให้ออกไปนั่งเล่นริมระเบียงชมสวนได้ครับ
อ้อที่โรงแรม Thames Valley นั้นจะมี Minibar ให้สามารถทานได้ฟรีนะครับ
รวมไปถึงมีเครื่องชงกาแฟสดให้ด้วยครับสามารถชงกินกันได้ตามสบายเลยครับ
Rose Spa
ที่โรงแรม Thames Valley นั้นจะมีห้องสปาบริการครับชื่อว่า Rose Spa ครับ
จะอยู่โซนด้านหน้าของโรงแรมครับ
ราคาเริ่มต้นจะอยู่ราวๆ 1000-4000 บาทครับ มีทั้ง นวดไทย นวดน้ำมัน และ นวดอโรม่าน้ำมันครับ
โดยน้ำมันจะมีให้เลือกได้ 4 กลิ่นครับ
- ไซปรัส+กระดังงา
- มะนาว+ขิง
- ส้ม+สาเวนเดอร์
- โรสแมรี่
Glory Suite and Family Suite: Perfect Solution for group of friends and Family
หลังจากนั้นผมก็ออกมาเดินชมภายในโรงแรมต่อครับ อันนี้เป็นโซนด้านหลังของสปาครับ
แล้วก็ได้ไปเดินดูห้องแบบ Glory Suite กับ Family Suite ครับเป็นห้องที่ใหญ่ขึ้นครับ
ซึ่งห้องสามารถนอนได้ 3 คนครับค่อนข้างเหมาะสมกับกลุ่มเพื่อนมาเที่ยวเลยครับ
ห้องแบบ Glory Suite จะคล้ายๆแบบ Deluxe ที่ผมนอนครับแต่ห้องนอนจะมีเตียงเพิ่มครับ
สำหรับห้องแบบ Family Suite จะมีส่วนของห้องนั่งเล่นเพิ่มเติมเข้ามาครับ
ห้องทั้งสองแบบที่ห้องน้ำจะมีอ่างอาบน้ำเพิ่มเติมมาจากห้องแบบ Deluxe ครับ
Pool Villa
ห้องแบบสุดท้ายที่ผมได้ไปเดินดูมาก็คือห้องแบบ Pool Villa ครับซึ่งอยู่ด้านหลังสุดของโรงแรมครับ
ตัววิลล่าจะมีสระว่ายน้ำอยู่ตรงกลางครับ ปลายสุดของสระว่ายน้ำจะเป็น ห้องนั่งเล่นครับ
แล้วด้ายซ้ายของภาพจะเป็นห้องน้ำ และด้านขวาจะเป็นส่วนของห้องนอนครับ
โดยตรงกลางจะเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อประมาณนั้นครับ
จริงๆแล้วที่โรงแรม Thames Valley นั้นยังมีห้องอีกแบบครับ
คือห้องแบบ Duplex Suite ครับซึ่งเป็นห้องแบบใหญ่ที่สุดของโรงแรมครับ
แต่วันที่ผมไปพักมีแขกเต็มตลอดครับ เลยไม่ได้ไปแวะเดินชมมาครับ
จากนั้นผมก็ไปนอนพักรอทานข้าวตอนเย็นครับ
ช่วงก่อนทานข้าวเป็นช่วงพระอาทิตย์ตกพอดีครับ
ผมเลยได้เดินถ่ายรูปแสงสวยๆอีกนิดหน่อยครับไปชมกันได้ครับ 🙂
ตรงแถวๆห้องอาหารมีทางให้เดินขึ้นไปด้านดาดฟ้าของอาคารได้ครับ
ผมเลยแวะขึ้นไปถ่ายภาพมุมสูงมาด้วยครับ
พระอาทิตย์ตกแล้ววววว แสงสวยมากครับวันนั้น
แต่ถ่ายๆไปแสงเกือบๆหมด ฝนตกซะงั้นเลยครับ 5555
หลังจากฝนตกซู่มาเลยเลิกถ่ายรูปครับไปทานเข้าเย็นเลยดีกว่าครับ
มื้อเย็นสั่งเป็นอาหารฝรั่งมาทานกันครับ…
แต่เห็นผมพูดว่าเป็นอาหารฝรั่งก็จริง แต่รสชาติที่โรงแรมทำ ทำได้รสชาติแบบไทยๆมากครับ
ซึ่งต้องบอกว่าถูกปากผมสุดไปเลยครับ
จานแรกเป็น ลาบปลาแซลมอน จานนี้ Recommended ครับให้ 5 ดาวเลยเป็นจานที่สั่งทานทุกมื้อเลยครับ
แล้วก็มีออร์เดิร์ฟเป็น Ceasar Salad กับ ปอเปี๊ยะทอดครับ
ตัวสลัดผักสดมากครับแล้วใส่ชีสให้แบบไม่มีกั๊กครับ ส่วนปอเปี๊ยะถ้าจำไม่ผิดเฉยๆครับ
มาดูเมนคอร์สกันบ้างครับ
เริ่มจากเซตไส้กรอกเยอรมันครับ ไล้กรอกหนุบหนับอร่อยดีครับ
แต่มาแค่สองชิ้นแอบรู้สึกว่าน้อยไปหน่อยสำหรับการจะเป็นเมนคอร์สครับ เอ๊ะ.. หรือผมกินเยอะไป 555
ตามมาด้วย Fish and Chip ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นปลาด้อดครับ
ตัวปลาสดใช้ได้ แต่ว่าผมรู้สึกว่าการจัดจานมาแบบนี้ทำให้ตัวปลามันนิ่มไม่กรอบเท่าไหร่
เพราะมันสุมรอบกับ Chip ครับ แต่จริงๆอาจจะเพราะผมเสียเวลาถ่ายรูปนานไปเองก็ได้ครับ 555
แล้วก็แฮมเบอร์เกอร์ อันนี้เนื้อกริลล์ได้ชุ่มช่ำดีครับถือว่าอร่อยใช้ได้ครับ
สุดท้ายเป็น Australian Wagyu Beef Steak ครับ จานนี้ตัวเนื้อที่ใช้จะออกแนวบางๆ ดังนั้นใครชอบให้เอาไปย่างแบบพวก medium อาจจะไม่ถูกปากครับ แต่ใครต้องการกินแบบเหมือนกินเนื้อย่าง จานนี้นี่ใช่เลยครับ จิ้มกับแจ่วอร่อยโฮกครับ (บอกแล้วว่าที่นี่อาหารทำรสชาติไทยมากๆครับ)
หลังจากทานอาหารจนอิ่มทางโรงแรมทำ Surprise ผมครับโดยเอาเค้กวันเกิดและของขวัญมาให้ครับ (มัวแต่อึ้งอยู่เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาครับ 555) ต้องขอขอบคุณทีมงานของโรงแรมไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ที่แอบเห็นวันเกิดผมในบัตรประชาชนตอนเช็คอิน แล้วมาทำ Surprise ให้ครับ
ปล. ของขวัญที่ทางโรงแรมให้มาเป็นชาของ Thames Valley ครับซึ่งผลิตโดน Twining ครับ
ซึ่งพอดีเลยผมเอามาชงชาตอนทำบุญบ้านช่วงนี้เลยครับ 🙂 หลังจาก Surprise กันเรียบร้อยผมก็นั่งเม้าท์กับเพื่อนๆอยู่ซักพักครับก่อนแยกย้ายห้องใครห้องมันครับ
Western Style Breakfast
เช้าวันที่สองผมได้ตื่นมาถ่ายรูปเล่นช่วงเช้าเล็กน้อยครับ
จากนั้นก็มาทานอาหารเช้ากันครับ อาหารเช้าที่นี่ถือว่าจัดเต็มมากครับ ทั้งปริมาณ และคุณภาพ มาดูกันคร่าวๆครับ
มี Live Station ทำเมนูตระกูลไข่ต่างๆครับ ที่พิเศษคือมีทำ ไข่กระทะ ด้วยครับ
และอีกเมนูที่ผมไม่ค่อยเห็นโรงแรมไหนทำคือ Egg Benedict ครับ
ผมชอบสลัดผักของที่นี่มากครับ เพราะผักที่ใช้สดมากกกกก… สมแล้วที่โรงแรมอยู่แถวเขาใหญ่ครับ 🙂
หลังจากทานข้าวเช้าอิ่มแล้วผมก็ไปเดินเล่นในโรงแรมแล้วก็ไปนั่งเล่นอ่านหนังสืออยู่ที่ระเบียงห้องครับ เป็นบรรยากาศที่ดีมากครับ นี่ถ้าได้ลมหนาวเหมือนทางยุโรปหน่อยนี่ผมนี้ นึกว่าอยู่ยุโรปจริงๆเลยหล่ะครับ
THE CASTLE RESTAURANT
ตลอดระยะเวลาสามวันที่ผมได้มาพักผ่อนที่โรงแรม Thames Valley Khao yai นั้น ผมฝากท้องไว้ที่ห้องอาหาร The Castle Restaurant โดยตลอดครับ ซึ่งก็ถือว่าไม่ผิดหวังเลยครับ เพราะทำอาหารรสชาติได้ถูกปากมากๆครับ ห้องอาหารนี้เป็นห้องอาหารที่คนทั่วไปที่ไม่ได้พักที่โรงแรมก็สามารถมานั่งทานอาหารได้ด้วยเช่นกันครับ
ห้องอาหาร The Castle Restaurant ภายในตกแต่งในสไตล์ grand English country home
ทำเพดานสูงๆ และกำแพงเป็นหินครับ ได้อารมณ์เหมือนอยู่ในป้อมปราการทางยุโรปอะไรอย่างนั้นครับ
เมนูอาหารที่นี่จะมาแบบนี้ครับ ดูดี และง่ายต่อการเปลี่ยนเมนูดีด้วย 55
สำหรับมื้อกลางวันวันที่สองสั่งมาประมาณนี้ครับ ลองเมนูใหม่ๆที่ยังไม่ได้สั่งดูบ้างครับ
ส่วนอันไหนที่เมื่อวานกินแล้วอร่อยเราก็เบิ้ลครับ 5555
แล้วก็ปิดท้ายมื้อกลางวันกันด้วยกาแฟครับ เท่าที่ทราบได้ยินมาว่า บาริสต้าที่นี่เคยได้รับรางวัล
การทำ Latte Art มาด้วยครับ ทำมาให้หลายลายเลยครับ มีแบบสามมิติด้วยครับ 🙂
ส่วนมื้อเย็นวันที่สองหลังจากรู้แล้วว่าพ่อครัวที่นี่ทำอาหารรสชาติไทยๆอร่อยมาก
เลยเน้นสั่งเป็นพวกอาหารไทยจานเดียวมาทานกันครับ แต่มื้อนี้เริ่มขี้เกียจถ่ายรูปล่ะเลยถ่ายมาแค่นิดหน่อยครับ
บทสรุป Thames Valley Khao-Yaiโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่
ทั้งหมดนี้ก็คือสิ่งที่ผมได้ไปพักที่ Thames Valley Khao Yai มาครับ หวังว่าจะถูกใจเพื่อนๆกันนะครับ สำหรับ Thames Valley แล้ว
จุดเด่น
- ความเป็นส่วนตัวของผู้เข้าพักที่มีการแยกส่วนชัดเจนของผู้เข้าพักและผู้มารับประทานอาหาร
- การบริการดีมาก ให้บริการอย่างเต็มใจ
- บรรยากาศสวยงาม เดินถ่ายรูปเล่นสนุก มุมถ่ายรูปค่อนข้างเยอะ
- การตกแต่ง ตกแต่งในสไตล์หรูหรา ดูอลังกาล ใช้วัสดอุปกรณ์ที่ดี
- อาหารอร่อยมากโดยเฉพาะอาหารรสชาติแบบไทยๆ
- การจัด Layout ของห้องพักทำได้ดี
- Location ของโรงแรมอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆ อาทิ Palio หรือ Primo posto และใกล้ทางเข้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
จุดด้อย
- อินเตอร์เนตใช้ของ CAT ซึ่งส่วนตัวแล้วผมไม่ชอบรู้สึกว่าไม่เสถียรเท่าไหร่ครับ
- ห้องพักแบบที่ผมพักรู้สึกว่าค่อนข้างเล็กไปหน่อย แต่ทดแทนด้วยการจัด Layout ที่ใช้งานได้โดยสะดวกครับ
- การจัดสวนยังไม่ฟูลอาทิ ตรงทางเข้าที่จะมีซุ้มกุหลาบ กุหลาบยังเลื้อยไม่เต็มซุ้ม และการวางต้นไม้บางจุดยังขัดใจช่างภาพ (อย่างผม) อยู่บ้างครับ เช่นการไล่ความสูงของต้นไม้
สำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้
- เว็บไซต์โรงแรม
- เช็คราคาและจองที่พักผ่าน expedia.co.th
- เช็คราคาและจองที่พักผ่าน Agoda.com
- เช็คราคาและจองที่พักผ่าน Booking.com
Voucher Code ลด 10% ของ expedia.co.th
สำหรับวันนี้ก็คงต้องขอลาเพื่อนๆที่ติดตามชมรีวิวนี้ครับ ขอบคุณและสวัสดีครับ 🙂