Jan-2015
วันธรรมดาเที่ยว “ทะเลบัวแดง” จังหวัดอุดรธานี
วันธรรมดาเที่ยว “ทะเลบัวแดง” จังหวัดอุดรธานี
สวัสดีครับเพื่อนเพื่อนทุกคน เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสร่วมทริปกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในการเดินทางไปที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อชมทะเลบัวแดงครับ วันนี้เลยเอาภาพมาฝากเพื่อนๆกันครับ สำหรับทะเลบัวแดงนั้น ฤดูกาลท่องเที่ยวจะอยู่ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ดังนั้นช่วงนี้ยังพอมีเวลาให้เพื่อนๆไปเที่ยวชมกันได้นะครับ
ซึ่งทริปนี้ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวมาหลายที่เลยครับ รวมไปถึง อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ซึ่งเป็นที่ที่กระทรวงวัฒนธรรม กำลังจะเสนอเพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วยครับ เอาละครับไปรับชมพร้อมๆกันเลยครับ
มุ่งหน้าสู่จังหวัดอุดรธานี
สำหรับทริปนี้ ผมเดินทางทั้งหมด 3 วัน 2 คืนครับ โดยเดินทางไปจังหวัดอุดรธานี ด้วยเครื่องบิน ซึ่งจังหวัดอุดรธานี ถือเป็นจังหวัดใหญ่จังหวัดหนึ่งของภาคอีสานตอนเหนือครับ มีหลายสายการบินบินไปลงที่สนามบินแห่งนี้ โดยคลิปนี้ผมบินด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ก็เลยไปขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิครับ
เดินทางด้วยบางกอกแอร์เวย์ มีข้อดีอย่างหนึ่งคือทุกที่นั่งสามารถใช้งานเล้าจน์ได้ครับ โดยเล้าจน์ที่นี่ จะมีแยกห้องสำหรับชั้นธุรกิจด้วยครับ ภาพที่เห็นนี้เป็นของสำหรับชั้นธุรกิจครับ ที่พิเศษคือมีเก้าอี้นวดให้ด้วยครับ และห้องรับรองค่อนข้างโล่งครับ
พูดถึงอาหาร จริงๆแล้วจะใกล้เคียงกับห้องรับรองธรรมดา แต่ห้องของชั้นธุรกิจจะมีอาหารหนักให้ทานด้วยครับ วันที่ผมไป มี 2 เมนู คือ ข้าวมัสมั่นกุ้ง และ บะหมี่หยกเป็ดอบครับ และแน่นอน วัตถุดิบที่ใช้ มาจากโครงการเกษตรอินทรีย์สนามบินสุโขทัยครับ ทั้งนี้สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่
การเดินทางใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงสนามบินอุดรธานีครับ ซึ่งในช่วงนี้สายการบินบางกอกแอร์เวย์ มีโปรโมชั่นสำหรับการเดินทางไปยังอุดรธานี เพื่อไปชมทะเลบัวแดง จนถึงวันที่ 25 ก.พ. 58 ดังนี้ครับ
เดินทางวันธรรมดา (อาทิตย์-พฤหัสบดี) ราคาบัตรโดยสารเพียง เที่ยวละ 1,340 บาท จากราคาปกติ 1,890 บาท
เดินทางวันหยุด (ศุกร์ – เสาร์) ราคาบัตรโดยสารเพียง เที่ยวละ 1,890 บาท จากราคาปกติ 2,590 บาท
และบอร์ดดิ้งพาส สามารถนำไปเป็นส่วนลดแพ็กเกจนำเที่ยวทะเลบัวแดงซึ่งจัดโดย สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดอุดรธานี จากราคาท่านละ 499 บาท เหลือเพียง 249 บาทหรือได้รับส่วนลด 50% เลยทีเดียวครับ โดยบริการรับ-ส่งจากแมคโดนัลด์ ยูดีทาวน์ ไปสู่ทะเลบัวแดง พร้อมล่องเรือชมบัวแดง
สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้า โทร. 09 4596 3344
ที่พักในเมืองอุดรธานี
สำหรับที่พักในอุดรธานี มีค่อนข้างมากครับ เพราะเป็นเมืองใหญ่ ซึ่งถ้าไปวันธรรมดา ผมแนะนำว่า อาจจะไม่ต้องจองไปก็ได้ครับ โดยให้โหลด Application Hotel Quickly ซึ่งเป็นแอพสำหรับการจองโรงแรมแบบด่วนๆครับ แอพนี้จะจองโรงแรมล่วงหน้าได้ไม่เกิน 1 วัน และจองสูงสุดได้ครั้งละ ไม่เกิน 5 คืน แต่ข้อดีของแอพนี้คือ จะได้ห้องที่ราคาถูกมากเพราะเป็นห้องแบบ Last Mineut Booking ครับ
สำหรับทริปนี้ ทางททท. จัดให้ผมพักที่โรงแรมประจักษ์ตรา ซึ่งราคาของจะอยู่ประมาณ 2,000 บาท
วันที่ผมเข้าพัก ผมลองเช็คจากแอพนี้ ราคาผ่านแอพจะอยู่ที่ประมาณ 1200 บาท เห็นไหมครับถูกกว่ากันเยอะเลย แต่ก็ต้องระวังนิดหนึ่ง เพราะว่า บางวัน บางโรงแรม อาจจะไม่มีห้องให้นะครับ แต่อุดรธานีเป็นจังหวัดใหญ่ เท่าที่ผมลองใช้แอพนี้โรงแรมดู ถือว่ามีโรงแรมให้เลือกหลายโรงแรมอยู่ครับ
สำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้
- เว็บไซต์โรงแรม
- เช็คราคาและจองที่พักผ่าน expedia.co.th
- เช็คราคาและจองที่พักผ่าน Agoda.com
- เช็คราคาและจองที่พักผ่าน Booking.com
Voucher Code ลด 10% ของ expedia.co.th
มุ่งหน้าสู่ทะเลบัวแดง
ทะเลบัวแดง อยู่ที่อ.กุมภวาปี ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอเมืองไปประมาณ 50 กิโลเมตรครับ นั่งรถไปประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึง ซึ่งกันไปเที่ยวที่ทะเลบัวแดง ควรไปช่วงเช้า เนื่องจากบัวแดงนั้นเป็นบัวกลางคืน หากว่าไปสายบัวอาจจะหุบครับ
บริเวณบึงนั้นจะมีร้านกาแฟของคุณไมค์ ภิรมย์พร มาเปิดให้บริการครับ เป็นกาแฟสดที่ราคาไม่แพงมาก ตกแก้วละประมาณ 30 บาทเท่านั้นเองครับ
สำหรับที่ทะเลบัวแดง นั้นได้รับการประกาศจาก CNN ให้ทะเลสาบที่มีความแปลกประหลาดและ สวยงามที่สุด 10 อันดับแรกของโลกด้วยครับ โดยการล่องเรือชมบัวแดงนั้น จะมีเรือให้บริการ มี 2 เส้นทาง หลักๆคือรอบสั้นและรอบยาว รอบสั้นราคาเหมาลำละ 500 บาท ส่วนรอบยาวราคา 1,000 บาท โดยสามารถนั่งได้ ประมาณ 8-10 คนต่อลำครับ
ตัวเรือนั้นจะเป็นเรือหางยาวดัดแปลง ช่วงที่อยู่ใกล้ๆฝั่งที่ยังไม่มีบัว ชาวบ้านจะใช้เครื่องยนต์ในการแล่นเรือ และเมื่อถึงบริเวณที่บัวขึ้น ชาวบ้านจะใช้ไม้พาย ในการพายแทนครับ
บึงที่นี่กว้างประมาณ 20,000 ไร่ มีหลายเส้นทางให้เลือกชมครับ โดยเส้นทางยอดฮิต ฉากหลังจะเป็นพระธาตุ สำหรับวันนี้ผมมาเส้นทางใหม่ ที่ทางจังหวัดพยามปลูกบัวเพิ่มครับ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ก็ถือว่าสวยดีแต่ขาดฉากหลังที่เป็นพระธาตุครับ
สมัยก่อน ก่อนที่ที่นี่จะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ชาวบ้านจะล่องเรือเพื่อเก็บสายบัว เพื่อนำไปทำอาหาร และนำไปขาย ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงเห็น ชาวบ้านล่องเรือเพื่อเก็บสายบัวอยู่ครับ
สำหรับเทคนิคการถ่ายภาพที่บึงบัวแดงให้สวยๆนั้น ให้เห็นพยามถ่ายให้เลียดน้ำที่สุดครับ และพยายามใช้เลนซ์ซูมครับ จะทำให้ได้ภาพที่สวยงาม
ปล. แต่ไม่ต้องใช้เลนส์ยักษ์แบบในรูปนี้ก็ได้นะครับ
วันที่ผมไปนั้น มีการจัดแถลงข่าวเกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่ทะเลบัวแดง
โดยมีผู้มาร่วมแถลงข่าว 4 คนคือ
- คุณนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี
- คุณอานุภาพ ธีรรัฐ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ด้านตลาดในประเทศ
- คุณเพลินพิศ โกศลยุทธสาร ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ส่วนวางแผนกลยุทธ์ส่งเสริมการขาย สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส
- คุณไมค์ ภิรมย์พร ศิลปินชาวอุดรธานี
ซึ่งโดยสรุปแล้ว ทางจังหวัดจะสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเพิ่มเติม ให้นักท่องเที่ยว และจะบริหารจัดการ สถานที่ท่องเที่ยวนี้อย่างยั่งยืน โดยเน้นให้ชาวบ้าน มีส่วนร่วม เช่น การสร้าง ร้านอาหารให้ชาวบ้าน มาเปิดขาย บริการนักท่องเที่ยว และเน้นความปลอดภัย โดยบังคับให้มีการใส่เสื้อชูชีพ ก่อนออกเรือทุกครั้ง รวมไปถึงจะมีการปลูกบัวบริเวณตลิ่งเพิ่มเติม เพื่อให้นักท่องเที่ยว บางคนที่ไม่อยากลงเรือสามารถชมความงามของบัวได้นั้นเองครับ
หลังจากแถลงข่าวเสร็จ ก็ไปทานข้าวกันครับ โดยอาหารมื้อนี้ เป็นฝีมือของกลุ่มแม่บ้านบ้านเดียม อาหารส่วนมากเน้นเป็นปลาและสายบัว (ซึ่งคงมาจากบึงนั่นหล่ะครับ)
เยี่ยมชมแหล่งมรดกโลกบ้านเชียง
หลังจาก เที่ยวที่ทะเลบัวแดงเสร็จ ผมจะเดินทางต่อไปที่บ้านเชียงครบ ซึ่งที่นี่ เป็นอีกที่หนึ่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเป็นอีกจุดหนึ่ง ที่มีความน่าสนใจในการมาเยี่ยมชมไม่น้อยเลยครับ ที่นี่อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 50 กม. ถ้ามาจากทะเลบัวแดง จะมีถนนตัดผ่านไม่ต้องอ้อมกลับไปที่เมืองครับ
พูดถึงบ้านเชียง ส่วนใหญ่จะนึกถึง เครื่องปั้นดินเผายุคโบราณ ซึ่งมีลวดลายเฉพาะ แต่จริงๆแล้ว สิ่งที่ทำให้ที่นี่ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก นั่นก็คือ ประวัติศาสตร์และอารยธรรม เพราะแต่เดิม จะเข้าใจว่า คนแถวแถวนี้ ไม่มีประวัติศาสตร์และอารยธรรมเป็นของตนเอง แต่ได้รับการสืบต่อมาจากแถวโรมัน อาหรับ อะไรอย่างนั้น
จนกระทั่งมีการขุดค้นพบ ซากอารยธรรมต่างๆ ที่นี่ ทำให้รู้ว่า ที่บริเวณนี้เอง ก็เคยมีมนุษย์มาอาศัยตั้งแต่โบราณแล้ว จากการตรวจสอบ อายุของโบราณวัตถุ ว่ากันว่าที่แห่งนี้ มีมนุษย์อาศัยอยู่มามากกว่า 5,000 ปี ซึ่งอาจจะนานกว่าประวัติศาสตร์มนุษย์ที่เคยมีการบันทึกไว้เสียอีกครับ
ที่นี่จะมีประวัติ ความเป็นมาของการเกิดพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ รวมถึงการขุดค้นต่างๆ ทำให้ทราบว่า ที่นี่เกิดขึ้นได้เพราะดำรัสของในหลวงจริงๆครับ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ เพราะเมื่อก่อนครั้งขุดค้นเจอแรกๆนั้น ทางไทยยังไม่ได้มีการสำรวจอายุของสิ่งที่ขุดค้นอย่างจริงจัง
จนครั้งในหลวงได้เสด็จมาที่นี่และได้มีการถามเกี่ยวกับเรื่องการสำรวจอายุ และทราบว่าเราไม่ได้มีการสำรวจเท่าไหร่ เนื่องจากค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ทรงมีดำรัสให้มีสำรวจและร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยทั้งในสหรัฐ และนิวซีแลนด์ ทำให้ทราบว่า จริงๆแล้วโบราณสถานโบราณวัตถุที่มีมีอายุมากกว่า 5000 ปี
และสุดท้าย ก็ได้มีการขอขึ้นทะเบียนที่นี่เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในที่สุด
พิพิธภัณฑ์จะมีการแสดงวิธีในการขุดค้น และการวิจัยต่างๆ ว่ามีการดำเนินการอย่างไร รวมถึงมีประวัติ ของชาวบ้านเชียงในสมัยก่อนด้วย
เยี่ยมชมแหล่งผลิตเกลือสินเธาว์ สปาเกลือ อ.บ้านดุง
มาจากเยี่ยมชมที่บ้านเชียงเสร็จ ผมก็ได้ไปเยี่ยมชม แหล่งผลิตเกลือสินเธาว์ ซึ่งอยู่ที่อำเภอบ้านดุง อยู่ทางเหนือของบ้านเชียงไปอีกประมาณ 50 กิโล ที่นี่ถือเป็นแหล่งผลิตเกลือสินเธาว์แหล่งใหญ่ แห่งหนึ่ง ของประเทศ ซึ่งนอกจากจะผลิตเกลือไว้จำหน่ายแล้ว ยังมีการนำเกลือมาสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยนำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ทำความงาม และทำสปาด้วยครับ
เกลือนั้นจะมีการเก็บ 2 วิธี คือเก็บดอกเกลือที่ลอยอยู่บนน้ำ และใช้รถในการเก็บเกลือ หลังจากน้ำแห้งไปแล้ว
หลังจากชมวิธีการผลิตและเก็บเกลือแล้ว เราก็ไปทำสปากันครับ โดยได้ลอง แช่เท้าและการนำเกลือมาขัดมือครับ
นั่งรถรางชมเมืองอุดรธานี
หลังจาก ชม แหล่งผลิตเกลือสินเธาว์ละทำสปาเกลือเสร็จ ผมก็กลับมาที่ตัวเมืองอุดรธานี และได้มีโอกาสนั่งรถรางชมเมืองครับ ซึ่งรถราง ตัวเมืองมีให้บริการฟรีทุกวัน โดยขึ้นรถที่ศาลาหลักเมือง โดยรถรางจะขับผ่านอาคารสถานที่สำคัญๆของเมืองอุดรธานี ไปสุดทางที่ ศูนย์วัฒนธรรมไทยจีน ศาลเจ้าปู่ย่าอุดรธานี ครับ
ซึ่งหากมีเวลาผมแนะนำให้ไปเที่ยวที่ศูนย์วัฒนธรรมไทยจีน ศาลเจ้าปู่ย่าอุดรธานี ค่อนข้างสวยเลยทีเดียวครับ หากนึกไม่ออก ให้นึกถึงพิพิธภัณฑ์ลูกหลานชาวมังกรที่สุพรรณฯ นั่นหล่ะครับ หลังจากเยี่ยมชมที่ศาลเจ้าปู่ย่าเรียบร้อย ผมก็ไปเดินเล่นที่ UD TOWN และทานอาหารเย็นที่นี่ก่อนกลับโรงแรมไปพักผ่อนครับ
เยี่ยมชมอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
วันที่สาม ของ การเดินทางผมเดินทางไปอ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศตะวันตกประมาณ 75 กม.
หลังจากผมกลับมาจากทริปนี้ ก็มีข่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมจะเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ไปยัง UNESCO เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ซึ่งที่นี่ก็ถือว่าเป็นที่ที่มีความน่าสนใจ ทางประวัติศาสตร์อยู่ไม่น้อยครับ
ภูพระบาทจะมีแท่งหิน ที่เกิดจากธรรมชาติ ทำแรงลมและแหล่งน้ำ เป็นรูปทรงประหลาดๆอยู่มากมาย
คล้ายๆที่มอหินขาวในจังหวัดชัยภูมิ แต่สำหรับที่นี่ นอกจากความสวยงามที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติแล้ว
ที่แห่งนี้ยังมีหลักฐาน การดัดแปลงโขดหินและเพิงผาธรรมชาติให้กลายเป็นศาสนสถานของผู้คนในสมัยก่อนด้วยครับ
มีการแกะสลักหินเป็นรูปพระพุทธรูป แต่น่าเสียดายที่ส่วนมากจะถูกขโมยมาตัดเศียรพระพุทธรูปไปแล้ว ภาพที่เห็นอยู่นี้ เป็นการจำลองและสร้างเศียรขึ้นมาใหม่ครับ
บริเวณนี้ เป็นจุดที่มีการดัดแปลง สำหรับการมานั่งสมาธิ ที่โขดหินจะมีการทำที่นั่ง รวมถึงมีการขุดหลุมเล็กๆ สำหรับใส่เทียนเพื่อให้แสงสว่าง และมีใบเสมา อยู่บริเวณนี้ครับ
นอกจากนี้ยังมีภาพเขียนประวัติศาสตร์ อยู่มากมายในบริเวณแห่งนี้ครับ
เยี่ยมชมหมู่บ้านคีรีวงกต ชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
จากอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ขับรถไปทางตะวันตกอีกประมาณ 60 กม. จะเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านคีรีวงกตครับ ซึ่งเป็นชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ในช่วงฤดูน้ำจะสามารถมาล่องแพได้ แต่ในฤดูจะมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจ คือการนั่งรถอีแต๊ก ล่องลำธารแทนการล่องแพครับ ซึ่งจะผ่านทั้งลำธาร ทุ่งหญ้า สวนยาง ป่า และภูเขา เรียกว่าชิวทีเดียวครับ
น่าจะมาสุดทางที่ต้นน้ำ มีลำธารและน้ำตกให้เล่น ได้มีอาหาร ฝีมือชาวบ้านให้ทาน เห็นหน้าตาบ้านๆแบบนี้ แต่อร่อยน่าดูเลยครับ
ขากลับมาที่หมู่บ้านคีรีวงกตนั้น ที่หมู่บ้านจะมีแปลงทดสอบการปลูกสตรอเบอรี่อยู่ครับ ปัจจุบันยังเป็นแปลงเล็กๆอยู่ครับ แต่ถ้าประสบความสำเร็จดี ในอนาคตน่าจะมีการขยายไปอีกครับ
หลังจากนั้น พวกผมก็กลับเข้าเมืองอุดรธานีครับ และไปทานอาหารเย็นที่ VT แหนงเนืองครับที่นี่ทำเป็นโรงงานใหญ่ ส่งไปขายทั่วประเทศเลยครับ หลังทานเสร็จก็เดินทางไปที่สนามบินอุดรธานีเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯครับ วันที่ผมเดินทางกลับบ้าน ระบบคอมพิวเตอร์มีปัญหา ทำให้ต้องเช็คอินแบบแมนนวล ทำให้เครื่องบินออกเลทไปนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็กลับมาถึงสุวรรณภูมิตรงเวลา ก็เป็นอันจบทริป อุดรธานีครับ
สำหรับ จังหวัดอุดรธานีแล้ว ถึงเป็นจังหวัดที่ มีสถานที่ท่องเที่ยวจำนวนมากครับ ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และเชิงประวัติศาสตร์ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะเชิญเพื่อนๆไปเที่ยวที่จังหวัดอุดรธานีกันครับ
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่เชิญผมไปร่วมทริปครั้งนี้ และขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทั้งหลายที่ร่วมสนับสนุนในทริปนี้ครับ โดยเฉพาะสายการบินบางกอกแอร์เวย์ สำหรับวันนี้ ผมขอลาไปแต่เพียงเท่านี้ครับ แล้วพบรีวิวใหม่เร็วๆนี้ ขอบคุณและสวัสดีครับ