Dec-2018
Hoshi Japanese Restaurant ชวนชิม ทูน่าบลูฟิน ทูน่าที่อร่อยที่สุดในโลก กินที่ไทยไม่ต้องบินไกลไปญี่ปุ่น
Hoshi Japanese Restaurant ชวนชิม ทูน่าบลูฟิน
ทูน่าที่อร่อยที่สุดในโลก กินที่ไทยไม่ต้องบินไกลไปญี่ปุ่น
ที่สุดของปลาดินคือ ทูน่า ที่สุดของ ทูน่า คือ ทู่น่าบลูฟิน หรือที่เรียกกันว่าปลามากุโระ ปกติแล้วในเมืองไทยไม่ค่อยมีร้านไหนนำเข้ามาเสิร์ฟ แต่ที่นี่ที่ Hoshi Japanese Restaurant การันตีว่าทุกชิ้นทุกคำคือ “ทูน่าบลูฟิน”
หากใครเคยกินปลามากุโระ หรือ ทูน่าบลูฟินมาก่อน จะรู้ว่าทูน่าสายพันธุ์นี้คือสายพันธ์ที่มีเนื้ออร่อยที่สุด รสสัมผัสรวมไปถึงลายของเนื้อปลานั้นสวยประหนึ่งเนื้อวัวเลยทีเดียว แน่นอนว่ามีราคาแพงมากที่สุด ซึ่งส่วนมากแล้วร้านอาหารญี่ปุ่นในบ้านเรานั้นหาทานค่อนข้างยาก ส่วนมากนั้นจะใช้ ปลาทูน่า สายพันธุ์เยลโล่ฟินกันแทน แต่ที่นี่ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นโฮชิ – Hoshi Japanese Restaurant การีนตีว่าทุกคำตั้งแต่ปลายปี 2561 เป็นต้นไปทูน่าที่ใช้เสิร์ฟลูกค้าในร้านจะเป็น ทูน่าบลูฟินทั้งหมด เมื่อต้นเดือนธันวาคม ที่ผ่านมาเราได้มีโอกาสไปทานอาหารที่นี่และวันนั้นเป็นวันพิเศษที่ทางร้านมีโชว์แล่ปลาทูน่าพอดี
ร้านอาหารโฮชิ ปัจจุบันมีอยู่ 6 สาขา ซึ่งสาขาที่เราไปกินมานั้นเป็นสาขา Riverside ซึ่งอยู่ที่ห้าง Riverside ที่ถนนเจริญนครตรงโรงแรม Avani Riverside นั่นละ
พูดถึงการแล่ปลาของร้านโฮชินั่น จะมีการแล่โชว์เป็นประจำ เฉลี่ยทุกๆ 2 อาทิตย์ ซึ่งจะมีการสลับสาขากันไปในแต่ละครั้งซึ่งถ้าใครสนใจจะชมการแล่ปลานั้นสามารถโทรสอบถามได้ที่หมายเลข 02- 212-4340 หรือ Facebook Fanpage HOSHI JAPANESE RESTAURANT
สำหรับที่นี่นั้นจะมี เฮดเชฟ ฝีมือดีที่ได้รับการฝึกฝนการดู การเลือก และการแล่ปลาทูน่าจากประเทศญี่ปุ่นมาโดยตรง ซึ่งจุดนี้ทำให้เวลาปลาทูน่าบลูฟินเข้ามาส่งที่ร้านนั้น ทางเฮดเชฟจะสามารถตรวจสอบคุณภาพของทูน่าได้อย่างดี ไม่มีโดนย้อมแมวจาก Supplier อย่างแน่นอน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วทูน่าบลูฟินที่ส่งมาที่ร้านนั้นจะเฉลี่ยอยู่ที่ตัวละประมาณ 100 กิโล ซึ่งมูลค่าร่วมครึ่งล้านบากเลยทีเดียว อย่างตัวที่เราไปถ่ายรูปมาด้วยนั้นทางเชฟแจ้งมาว่านน.อยู่ที่ 98 กิโลกรัมเลยทีเดียว
จากการที่เราไปชมการแล่ปลามานั้นทำให้เราทราบว่า ทูน่าจริงๆแล้วมีส่วนต่างๆมากมายหลากหลายส่วนที่เราไม่เคยกินมาก่อน เพราะส่วนมากแล้วเราจะคุ้นชินกับส่วนไม่กี่ส่วน เช่น โอโทโร ชูโทโร่ เป็นต้น ซึ่งเท่าที่เราได้ชิมเราพบว่ามันมีส่วนต่างๆหลายส่วนที่มีรสชาติอร่อยและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เราไม่เคยกินที่ไหนมาก่อนด้วย รวมไปถึงเราได้มีโอกาสเป็นคอลลาเจนสดจากแกนกลางกระดูกของเจ้าปลาทูน่าตัวนี้อีกด้วย (ไว้เดี๋ยวมาดูในรีวิวเลยดีกว่าว่าเราได้ชิมส่วนไหนมากันบ้าง)
จานแรกขอเริ่มที่ส่วนที่ทุกคนรู้จักกันดี เสิร์ฟมาแบบ ซาซิมิทูน่า 3 ส่วน แบ่งเป็น ที่มีโอโทโร่ ชูโทโร่ อากามิ เนื้อโอโทโร่นั้นดีงามอย่างที่ทุกคนรู้ดี มีไขมันแทรกแบบละลายในปากเลย จากรูปข้างล่างจะเห็นว่าส่วนที่เป็นโอโทโร่นั้นจะมีอยู่น้อยมากๆ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจไปว่าทำไมส่วนนี้เมื่อถูกนำไปขายราคาจึงแพง
แต่ดูจากลายมันที่แทรกอยู่ในเนื้อปลาแล้วก็ยอมจ่ายเงินเอามากินกันเถอะ 5555
ส่วนแปลกๆ ส่วนต่อมาที่เราได้ลองชิมคือ ปลายท้องทูน่าย่าง ส่วนนี้เป้นส่วนที่มันมากๆ ทางร้านจึงเสิร์ฟมาคู่กับน้ำจิ้มยำแซ่บๆแบบไทยๆ จะได้ตัดเลี่ยนจากความมันของเนื้อส่วนนี้ โดยรวมถือว่าอร่อยนะ เนื้อสัมผัสทานไปตอนแรกเหมือนทานเนื้อย่างเลย หอมมันสุดๆ อีกส่วนหนึ่งเป็นเมนูที่ทางร้านยังไม่เคยขายที่ไหนมาก่อน เรียกว่า เลือดทูน่าเสต็ก จะบอกว่าเอาเลือดทูน่ามาทำซะทีเดียวก็คงไม่ใช่ ส่วนนี้เป็นส่วนที่ใกล้กับจุดที่เวลาฆ่าปลา ซึ่งจะมีเลือดออกมาชโลมเนื้อทูน่า ซึ่งส่วนนี้หากเชฟไม่มีฝีมือในการแล่และปรุงแล้วจะเป็นส่วนที่กินไม่ได้เลย เพราะจะคาวเลือดมากๆ แต่ที่นี่เชฟสามารถทำออกมาได้อร่อยเลย โดยซอสที่ปรุงรสจะออกแนวเหมือนพวกซี้อิ้วหวานอะไรแบบนั้น
ต่อมาเป็น หางปลาทูน่าต้มซีอิ้ว เป็นส่วนหน้าที่เนื้อทูน่าจะแน่น เชฟนำไปปรุงโดยการต้มซีอิ้วจนเข้าเนื้อ ถือเป็นอีกเมนูที่หาทานได้ยากความอร่อยของส่วนนี้อยู่ที่การตัดทานพร้อมหนังจะได้ความหนึบหนับๆของหนังมาด้วย เข้ากันดีกับเนื้อทูน่าที่ออกหวานเล็กๆจากการต้มในน้ำซีอิ้ว
นอกจากเมนูทูน่าแล้วก็ยังมีเมนูอื่นๆอีกหลากหลายเมนูที่เราได้สั่งมาทานกันเริ่มจาก มันปูย่างเตาถ่าน (Kani Miso) เมนูนี้คือนิพพาน ทำจากมันปูคลุกเนื้อปูและมิโซะ เสิร์ฟบนเตาถ่าน หอมมันอร่อย ไม่ควรพลาด
โต๊ะเราลองสั่งเมนูฟัวกราส์มาทานกันด้วยมี Foie Gras Roll และ ข้าวหน้าฟัวกราส์ (Foie Gras Don) ฟัวกราส์ดีงาม ขนาดกำลังดีย่างมาแบบเกรียมนอกนุ่มใน อร่อยกว่าตามบุฟเฟ่ต์โรงแรมแน่นอน
ต่อจากนั้นเราสั่ง Shogun Combo จานนี้มาแบบเป็นเซตกว่าจะหันมาถ่ายรูปปรากฎว่ามีซูชิถูกเพื่อนร่วมโต๊ะฉกไปเสียแล้ว 1 ชิ้น 555 โดยจานนี้จะมี ปลาแซลมอนแล่บาง Salmon Usuzukuri ซาซิมิฮามาจิ ที่สดมากๆ นอกจากนั้นก็จะเป็นบรรดาซูชิและโรลหลากหลายแบบเลย
เรามีสั่งอาหารทานเล่นอย่าง ปลาเงินทอด (Shirauo Karaage) และ สลัดแซลมอนกับอโวคาโด มาทานกัน ตัวปลาทอด ทอดได้อน่อย ปลาตัวเล้กๆทอดจนเหลืองกรอบทานได้ทั้งตัว น้องโฟกัสไปทานชอบทานเลย เราก็ดีใจถือว่าเป็นอาหารเสริมแคลเซียมได้ดี 555 ส่วนสลัดแซลมอนกับอโวคาโด ทานแล้วอร่อยสดชื่นดีครับ เราเอามาทานคั่นกลางหลังจากเริ่มเลี่ยนจากมันแทรกในทูน่า ทำให้ร่างกายรีเฟรชกลับมาทานทูน่าอร่อยๆต่อได้อีกหลายจาน อิอิ
อีกเมนูเด็ดของร้าน เป็นหัวปลาแซลมอน นำไปต้มซีอิ้ว ตัวน้ำที่ต้มทำมาใสๆไม่เหนียวข้น ทำให้ซดทานได้ไม่แสบคอจนเกินไป อร่อยดีเลย ชอบๆ
สุดท้ายเป็น เส้นอินานิวะ ปลาคิเมะไดกับไข่ออนเซ็น (Inaniwa Onsen) เมนูนี้มาแนวโซบะเย็น ความอร่อยอยู่ที่น้ำซุปที่กลมกล่อมมาก
จริงๆเรามีสั่งมาอีกเมนูนึง คือ ข้าวหน้าไข่ปลาแซลมอน เมนูนี้สั่งมาให้น้องโฟกัส เพราะน้องโฟกัสพึ่งกินไข่ปลาแซลมอนเป็น ตอนไปถึงร้านนาง Request เมนูนี้มาก่อนเลย คือ ตอนแรกว่าจะไปแอบชิม แต่ไปดูเค้าแล่ปลาทูน่าแพร๊บเดียวกลับมาน้องโฟกัสกินหมดถ้วย เลยไม่ได้ลองชิมเลย ฮา…..
บทสรุป Hoshi Japanese Restaurant
เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นอีกหนึ่งร้านที่คนชอบทานอาหารญี่ปุ่นไม่ควรพลาด
- ทูน่าทั้งหมดเป็น ทูน่าบลูฟิน ที่อร่อยและแพงที่สุดในโลก
- มีการโชว์แล่ปลาเฉลี่ยเดือนละ 2 ครั้ง
- ควรลองหาโอกาสไปชมการแล่ปลาซักครั้ง แล้วจะรู้ว่าปลาทูน่ามีอะไรให้กินอีกเยอะมากกว่าแค่ โอโทโร่
- บรรยากาศร้านสบายๆเหมาะกับการพาครอบครัวไปนั่งทานข้าวชิวๆ
- ร้านอาหารใส่ใจในการทำอาหาร มีการตกแต่งจานที่สวยงามรวมถึงการเสิร์ฟหลายๆเมนูที่ต้องทานเย็นๆเช่น เส้นอินานิวะ ปลาคิเมะไดกับไข่ออนเซ็น ก็มีการรองด้วยน้ำแข็งมาด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม
- Facebook Fanpage https://www.facebook.com/hoshirestaurant/
- เบอร์โทรศัพท์ 02- 212-4340
หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ ฝากคอมเม้นท์ ไลค์ แชร์ ก็จะเป็นกำลังใจอย่างยิ่ง หรือหากอยากติดตามประสบการณ์ดีๆไปกับพวกเราเพียง Bookmark http://www.travelplanetx.com หรือติดตามได้ที่ Facebook Fan Page: Travel Planet Xperiences ได้เลยจ้า